วันศุกร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2557

iPhone6 Plus + Apple Watch อาวุธใหม่ที่ทรงพลังของ Apple

หลังจาก Apple เปิดตัว iPhone6 เวอร์ชั่นออกมา พร้อมกับครั้งแรกที่มีปรากฎการณ์ออก iPhone พร้อมกันสองรุ่น นั่นคือ iPhone6 และ iPhone6 Plus ที่หน้าจอใหญ่ขึ้น ซึ่งจากตรงนี้เองถือเป็นอาวุธใหม่อันทรงพลังของ Apple แต่ไม่แค่นั้น ยังมีการออก Apple Watch ออกมาอีก แม้จะช้าแต่ถือว่าทำได้ดีเลยทีเดียว

การออก iPhone6 Plus และ Apple Watch ครั้งนี้สะท้อนแนวทางชัดเจนอย่างมากว่า Apple เองก็ไม่ได้นิ่งกับโลกที่กำลังเคลื่อนไหวโดยทิ้ง Apple ไว้เบื้่องหลัง จึงมีการปรับตัวโดยการทำ iPhone6 Plus ที่มีหน้าจอใหญ่ใกล้เคียงกับ Phablet ออกมา พร้อมกับยังมีฟังก์ชัน NFC แม้จะใช้ได้แค่ Apple Pay อย่างเดียวแต่ก็สะท้อนว่า Apple ก็ทำตามโลกเช่นกัน แต่แน่นอนว่า Apple ยังคงสไตล์ของเขานั่นคือการที่คิดมาให้ผู้ใช้เรียบร้อยแล้วว่าจะต้องใช้ยังไง ซึ่งถือเป็นจุดขายของ Apple เลยทีเดียว

iPhone6Plus ครั้งนี้อาจจะไม่ถือว่าหวือหวา แต่หลายๆคนที่มี Review ก็เริ่มบอกว่ามันคือการต่อยอดจาก iPhone5 ที่สมบูรณ์แบบ แม้จะไม่ Wow แต่ครบซึ่งก็ถือเป็นก้าวเล็กๆในการออกอาวุธของ Apple แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ Device ใหม่นั่นคือ Apple Watch ซึ่งถือว่าเป็นก้าวแรกของ Smart Watch ของ Apple เลยและก็ยังคงคอนเซ็บที่ Experience ดีสุดยอดนั่นคือ การทำการบ้านอย่างดีสำหรับผู้ใช้นาฬิกา ทำให้แบ่ง Edition ออกเป็น 3 สายนาฬิกา 6 แบบ พร้อมกับหน้าจอ 2 ขนาด ซึ่งทำให้ใช้ได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ทำให้ครอบคลุมตลาดมากขึ้น แน่นอนว่าการเปิดตัวครั้งนี้ สามารถเรียกเสียงฮือฮาได้มากแต่ว่าก็ยังต้องใช้เวลาพิสูจน์ต่อไปว่า Apple Watch จะรอดหรือไม่ หรือต้องปรับตรงไหนก็ตามดูกัน (สามารถดูสเปค Apple Watch เพิมเติมได้ที่นี่)

แต่สิ่งสำคัญกว่านั่นคือหมากตานี้ของ Apple คือการพยายามจะเดินหน้าให้เหนือกว่าคู่แข่งที่สำคัญนั่นคือ Google ที่ตอนนี้เหมือนว่าแนวทางดีกว่ามาก แม้ Project Silver อาจจะล้มเหลวบ้าง(ดูเพิ่มเติมที่นี) แต่ทว่ากลับสามารถ Lunch โปรเจค Android One ออกมาได้เพื่อตีตลาดล่าง Feature Phone ให้ขาด นั่นหมายถึงการตลาดของ Google เริ่มรุกตลาด Smart Phone ของ Microsoft(Nokia) มากขึ้นเพื่อเปลี่ยนผู้ใช้ฟีเจอร์โฟนทั้งหมดให้กลายเป็นของ Google ให้ได้ ทำให้ไมโครซอฟท์ต้องเริ่มตีโต้บ้างแล้วแต่ทาง Microsoft เองก็ยังคงเฉย นั่นจึงกลายเป็นโอกาสอย่างดีของ Google เลยทีเดียว

วันพุธที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2557

Comfort Zone? กับเหตุผลที่ว่าทำไมต้องออกจาก Comfort Zone?

Comfort Zone หลายๆคนคงเคยได้ยินคำนี้ คำนีๆคือจุดปลอดภัยหรือ สภาวะที่เรียกว่า ความเสี่ยงต่ำนั่นเอง  แล้ว Comfort Zone มันไม่ดีตรงไหน ทำไมถึงต้องออกจาก Comfort Zone  สาเหตุนั้นจะขอตอบดังนี้

1. ทำให้เราเจอทางใหม่ๆ การออกจาก Comfort Zone จะทำให้เราเจอในสิ่งที่เราไม่เคยเจอ และได้เริ่มต้นกับสิ่งใหม่ๆ หนทางใหม่ๆ และความก้าวหน้าใหม่ๆ
2. ทำให้เราไม่กลัวที่จะเริ่มต้น การเริ่มต้นหลายคนมักร้องยี้ แต่ว่านักธุรกิจหลายๆคน ที่ประสบความสำเร็จมักจะกล้าที่เริ่มต้นใหม่เสมอ สาเหตุเพราะการอยู่แต่ใน Comfort zone ไม่ได้ทำให้ทุกอย่างดีเสมอไป มีแต่เท่าเดิมกับต่ำลง แต่ไม่ได้ดีขึ้น นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จจะต้องกล้าที่ะก้าวออกจากจุดเดิมๆ ที่เคยทำมาเพื่อทำสถิติใหม่เสมอ
3. ทำให้เรามีนิสัยขยัน  Comfort Zone จะทำให้เรารู้สึกสบายและไร้ความเสี่ยงแต่ทว่า การไร้ความเสี่ยงนี่เองก็ทำให้เราขี้เกียจ ทำแต่เดิมๆซ้ำๆ จนชินและไม่อยากจะทำอะไรใหม่ๆ การออกจาก Comfort Zone จะทำให้เราพบหนทางใหม่ๆ ขยันที่จะเจอสิ่งใหม่ๆ และโอกาสใหม่ๆ
4. ทำให้เจอหนทางก้าวหน้าในชีวิต เพราะการก้าวออกจากจุดเดิมทำให้เกิดความเสี่ยงใหม่ๆ บรรยากาศใหม่ๆ จนทำให้เรากล้ามากขึ้น และก้าวหน้าขึ้นนั่นเอง

Ref : http://www.i8design.net/Article/Detail?art_id=4

ITGuy

วันจันทร์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2557

ASP.net Tip # Dynamic Method WEB API 2



Config ให้ Dynamic สำหรับ Develop With Asp.net WEP Api
Note** ใช้งาน Asp.net WEB API2 and .net framework 4.5
ให้เพิ่มโค้ดนี้ลงไปที่ WebApiConfig.cs
            config.Routes.MapHttpRoute("DefaultApiWithId", "api/{controller}/{id}", new { id = RouteParameter.Optional }, new { id = @"\d+" });
            config.Routes.MapHttpRoute("DefaultApiWithAction", "api/{controller}/{action}");
            config.Routes.MapHttpRoute("DefaultApiGet", "api/{controller}", new { action = "Get" }, new { httpMethod = new HttpMethodConstraint(HttpMethod.Get) });
            config.Routes.MapHttpRoute("DefaultApiPost", "api/{controller}", new { action = "Post" }, new { httpMethod = new HttpMethodConstraint(HttpMethod.Post) });
พร้อมกับ Comment Config เดิมที่ให้มา
  //config.Routes.MapHttpRoute(
            //    name: "DefaultApi",
            //    routeTemplate: "api/{controller}/{id}",
            //    defaults: new { id = RouteParameter.Optional }
            //);
แค่นี้ก็เรียบร้อย ตัวอย่างโค้ด
public class ProductController : ApiController
    {
        PD1[] products = new PD1[]
        {
            new PD1 {ID= 1, A_PDNAME = "Tomato Soup", A_PDDESC = "Groceries"},
            new PD1 { ID = 2, A_PDNAME = "Yo-yo", A_PDDESC = "Toys" },
            new PD1 { ID = 3, A_PDNAME = "Hammer", A_PDDESC = "Hardware"}
        };

        // GET api/Product       
public IEnumerable<PD1> Get()
        {
            return products;
        }

        // GET api/ Product/5
        public PD1 Get(int id)
        {
            return products.Where(c => c.ID == id).FirstOrDefault();
        }
// GET api/ Product?id=aa &name=??
        public PD1 Get(int id, string name)
        {
            return products.Where(c => c.ID == id && c.A_PDNAME.Contains(name)).FirstOrDefault();
        }
// GET api/ Product/GetByname? name=??

        public IEnumerable<PD1> GetByName(string name)
        {
            return products.ToList();
        }

    }