มาวิเคราะห์กลยุทธ์ของ สองเจ้ากัน
Apple
สุดยอดบริษัทนวัตกรรมของโลก สู้มาตั้งแต่สมัย PC จนปัจจุบันถึง Smart Device ซึ่ง ล้มบ้างเป็นธรรมดา แต่จากประสบการณ์สั่งสมมานานปีและเป็นผู้ริเริ่ม นวัตกรรมต่างๆ ทำให้ยังคงมีอิทธิพลสูงในตลาดโลก ปัจจุบัน การตลาดของ Apple นับว่าประสบความสำเร็จสูงสุด ผมให้เขาสูงกว่า Samsung อีกด้วยซ้ำ นั่นเพราะอะไร
1) Apple สามารถขายสินค้าระดับ High End ได้ทั่วโลก โดยที่กลุ่มสินค้าเขา ราคาส่วนใหญ่ไม่ต่ำกว่า 10000 เลย และผู้ใช้หลายคนยังคงจัดให้ iPHone คือ ของหรูหรา
2) ส่วนแบ่งการตลาดที่ไม่ตกและไม่ขึ้นมาก แม้จะคู่แข่งราคาถูก ซึ่งข้อนี้แหละที่ผมทึ่งกับ Apple Line ผลิต Apple อาจจะไม่มากเหมือน คู่แข่งแต่ทว่า ยอดขายทั่วโลกกลับไม่ลดลงมากนัก ทำให้ผมทึ่งกับแนวทางการตลาดของ Apple มากทีเดียว
จากสองประเด็นนี้ทำให้เรามาวิเคราะห์กลยุทธ์ของ Apple กัน
1) กลยุทธ์ ลดต้นทุน
แอปเปิ้ล เน้นกลยุทธ์การผลิตแบบต้นทุนต่ำ โดยแม้จะคิดค้นนวัตกรรมที่มีประสิทธิภาพสูงแต่กลับจ้างบริษัทผลิตที่ต่างประเทศอย่าง Foxcon และ Samsung และการสั่งผลิตแต่ละครั้งล้วน สั่งเป็นล๊อตใหญ่ๆเพื่อให้ได้ต้นทุนที่ต่ำที่สุด
2) กลยุทธ์หวงทรัพย์สินทางปัญหา
แอปเปิ้ลมีทรัพย์ทางปัญญาที่เป็นสิทธิบัตรจำนวนมากการคัดลอกและใช้สิทธิบัตรเป็นเรื่องง่ายที่หลายๆบริษัททำ ฉะนั้นแอปเปิ้ลเพื่อลดต้นทุนและลดการเลียนแบบสินค้าจึงไม่จ้างบริษัทเดียวในการผลิตสินค้าแต่เน้นกระจายออกเช่น Foxconn ผลิตเครื่องชิป ให้ Samsung และ กระจอกให้ใช้ Gorilla glass หรือ Saphire ซึ่ง เป็นวัสดุที่ทันสมัยและทนทานที่สุดแห่งหนึ่ง พร้อมกันนี้ยังมีการทำสัญญา ว่าอุปกรณ์ที่ผลิตกับแอปเปิ้ลนั้นห้ามผลิตให้กับคู่แข่งรายอื่นอีกด้วย แต่แลกมาด้วยค่าตอบแทนอันมหาศาลที่ได้จากแอปเปิ้ลนั่นเอง
การหวงทรัพย์สินทางปัญญาของแอปเปิ้ลไม่ได้แสดงออกแค่ทางด้านการสัญญาของการผลิตเท่านั้นแต่ยังรวมถึงการฟ้องร้องคู่แข่งที่ละเมิดสิทธิทางปัญญาของตนเองอีกด้วย แม้ว่าการทำเช่นนี้เหมือนจะไม่มีประโยชน์อะไรเท่าเพราะ สินค้านั้นผ่านไปมันก็จะมีสิ่งใหม่ๆเกิดขึ้นอีก แต่แน่นอนว่ามันมีประโยชน์กับ Apple แน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะทำให้ได้ชื่อเสียงว่า เป็นผู้สนับสนุนทรัพย์สินถูกลิขสิทธิ์ และการทำให้คู่แข่งในอนาคตต้องเกรงกลัวต่อการเข้ามาในธุรกิจเพราะว่าการฟ้องร้องของ Apple นั่นเอง
3) การคุม Supply Change
Supply Change คือห่วงโซ่การผลิต การทำห่วงโซ่การผลิตคือการควบคุมตั้งแต่ขั้นตอนการหาวัตถุดิบจนถึงขั้นตอนการขายสินค้า ข้อนี้แอปเปิ้ลมีความชำนาญด้านนี้อยู่แล้วทำให้ การทำไม่ยากเลย ด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมานานทำให้ Apple กล้าจะคุมห่วงโซ่อุปทานอย่างที่ไม่ต้องกลัวเรื่องต้นทุนใดๆทั้งสิ้น
4) Store จุดกระจายสินค้าทั่วโลก
Apple Store คือสิ่งปฏิวัติใหม่ของวงการไอทีนับตั้งแต่มี iPod มา โดยเน้นศูนย์ที่ไม่ใหญ่ มากแต่เน้นกระจายทั่วโลกและพยายามครอบคลุมให้มากที่สุด โดยกลยุทธ์นี้จะคล้ายกับ กลยุทธ์กระจายของน้ำอัดลมของ Coke และ Pepsi นั่นเอง ซึ่งการนับว่าการตลาดทำการบ้านได้ดีมาก การกระจายสินค้า(Diversification Distribution) ให้เข้าถึง User ให้ง่ายที่สุดนับเป็นไม้ตายที่ต่อยอดกลยุทธ์ได้ดีมากทีเดียว แต่ไม่เพียงแค่นั้น ถ้าสังเกตดีๆ การ Position ของ Apple ยังวางตัวเป็นสินค้า พรีเมี่ยมที่เข้าถึงทุกคนอีกด้วยฉะนั้นจุดที่ Apple Store ไปตั้งนั้น จะไปตามเมืองใหญ่ๆ ที่มีกำลังซื้อก่อนจึงค่อยส่งให้ศูนย์เล็กๆ กระจายตัวออกไป
5) การแบ่งรุ่นสินค้า
การแบ่งรุ่นสินค้าของ Apple คือการแบ่งชั้นของสินค้าให้ผู้ซื้อง่ายขึ้น โดยจะเห็นว่าแต่เดิมนั้น Apple จะมีแค่ iPhone ,iPad แต่เมื่อการตลาดเปลี่ยนไป โดยเมื่อผู้ใช้เริ่มไม่อยากใช้ แท๊บเล็ตจอใหญ่ ทำให้ Apple จึงแบ่งรุ่นให้เล็กลง จึงออก iPad Mini ออกมา การทำเช่นนี้ แม้จะทำให้ยี่ห้อ พรีเมี่ยมตกลงไป แต่ก็ทำให้ เกิดผู้ท้าชิงตลาด Tablet กับ SS ได้อย่างสมน้ำสมเนื้อขึ้น และนอกจากนี้ Apple ก็ยังไม่ทิ้งคำว่า พรีเมี่ยมโดยวางราคา iPad Mini ในราคาที่ค่อนข้างสูงในตลาดแท๊บเล็ตขนาด 8 นิ้วเลยทีเดียว เรียกว่าไม่ยอมแพ้ในตลาดเลย แต่ไม่เพียงแค่นั้น การแบ่งรุ่นสินค้ายังมีประโยชน์ที่ทำให้ผู้ใช้ที่ชอบสินค้า Apple แต่ไม่อยากเสียเงินในราคาแพงหันมา มอง Apple มากขึ้น ด้วยจุดแข็งของ OS ที่ตอบสนองต่อการพกพาได้ดีที่สุดนั่นเอง
6) สร้างประสบการณ์ที่เหนือกว่าให้กับลูกค้าและคู่แข่ง
การสร้างประสบการณ์ที่ทำให้คู่แข่งและลูกค้าทึ่งและคิดว่าตามอยู่นับเป็นกลยุทธ์สำคัญของ Apple และส่วนสำคัญนั่นคือ iOS, OS X สอง OS ที่เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ Apple ขายได้ ทำให้ Apple พยายามพัฒนาอยู่ตลอดไม่หยุดยั้ง การทำให้สอง OS นี้จะขายดีก็ต้องทำให้การทำงานเชื่อมต่อกันมีความลื่นไหลมากที่สุด เมื่อ Google หันมาให้บริการทาง Internet ความเร็วสูง และการเชื่อมต่อไร้สายที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง 3G,4G และ กำลังพัฒนาถึง 5G ทำให้เกิดไอเสียการเชื่อมตต่อสอง OS หลายอุปกรณ์เกิดขึ้น และเนื่องจากเป็นระบบปิดนี่เอง ทำให้อุปกรณ์ต่างๆของ Apple เชื่อมต่อกันง่ายกว่าOS อื่นหลายเท่าตัว และ Apple เองก็ผลักดันทางด้านนี้โดยตลอด
นอกจากนี้ ยังมีการสร้างประสบการณ์ในการรวมการทำงานของทุกสิ่งเข้าด้วยกันต้องพึ่ง พลังแห่งนวัตกรรม นั่นก็คือ Cloud นั่นเอง Cloud เป็นหนึ่งในสิ่งที่ Apple พยายามผลักดันมาตลอด เพราะตอนนี้คู่แข่งได้นำไปไกลแล้ว Cloud นั้นมีหลายแบบแต่ Apple จะเน้นที่ Storage Cloud เป็นหลัก เพื่อให้ผู้ใช้ได้สำรองข้อมูลของตัวเองและทำให้ผู้ใช้รู้สึกปลอดภัยกับการใช้งานสินค้าของตนเอง
หนึ่งใน Cloud ที่ได้ผลของ Apple คือการใช้ Find My Phone และ Function ล๊อค iPhone ผ่าน iCloud ที่ทำให้ผู้ขโมยไม่สามารถปิดเครื่องเองได้ง่าย ทำให้โจรไม่อยากขโมยเท่าไร ซึ่งจากผลการใช้งานทำให้เครื่อง iPhone หายน้อยลงอย่างมาก นับว่าประสบควมสำเร็จทีเดียว การทำเช่นนี้จะทำให้ iPhone เรียกความเชื่อมั่นของผู้บริโภคอย่างแท้จริง
7) CSR- สนับสนุนการเข้าถึงคนพิการ
ข้อนี้หลายๆคนอาจจะไม่สังเกตุ แต่สินค้าของ Apple อย่าง iPhone และ iPad กลับมีฟังก์ชันสำหรับคนพิการทางด้านหูหรือสายตา ให้สามารถใช้สินค้าของตนได้ด้วย การทำเช่นนี้ทำให้ คนพิการทางสายตาก็เข้าถึงสินค้าตนได้ พร้อมกับยังทำให้ทั่วโลกรู้ว่า สินค้าของ Apple นั้นไม่ธรรมดานะ มีการเป็นอารยสถาปัต ไม่ได้จำกัดแค่คนปกติเท่านั้น
8) การวางตัวเป็นผู้นำนวัตกรรม
ผู้นำนวัตกรรมคือผู้ที่สามารถโกยผลประโยชน์ของตลาดได้เป็นเจ้าแรก ข้อนี้ Apple ตระหนักดี ฉะนั้นการทำนวัตกรรมต่างๆ Apple จึงโปรโมทตัวเองเสมอวเขาคือเจ้าแห่งนวัตกรรม ที่ทำให้ทุกคนต้องลุ้นว่าจะมีของใหม่ๆอะไรออกมาจาก Apple บ้าง และมันก็ได้ผลมากเลยทีเดียวทำให้ คนทั่วโลกยังคงใส่ใจกับ Apple มากที่สุด และก้าวสู่ ผู้นำของโลก IT ในไม่ช้า(แม้ตอนนี้อาจจะช้ากว่า Google)
จากที่กล่าวมาทั้งหมดนั้น จะเห็นว่ากลยุทธ์ต่างๆของ Apple จะมีแบ่งเป็น 3 ส่วนนั่นคือ การบริหารจัดการภายใน, การควบคุมรุกกับศัตรูภายนอก และการเปิดสนามรบใหม่ ทั้งสามนี้ จะรวมอยู่ในกลยุทธ์ที่ได้แสดงออกมา
การบริหารจัดการภายใน
- กลยุทธ์ ลดต้นทุน
- การคุม Supply Change
- การแบ่งรุ่นสินค้า
การควบคุมรุกกับศัตรูภายนอก
- Store จุดกระจายสินค้าทั่วโลก
- CSR- สนับสนุนการเข้าถึงคนพิการ
- กลยุทธ์หวงทรัพย์สินทางปัญหา
- สร้างประสบการณ์ที่เหนือกว่าให้กับลูกค้าและคู่แข่ง
- การแบ่งรุ่นสินค้า
การเปิดสนามรบใหม่
- การวางตัวเป็นผู้นำนวัตกรรม
ลองวิเคราะห์ให้ดี จะเห็นว่า การบริหารจัดการที่ดีของ Apple จะมีสูตรที่น่ากลัวอย่างยิ่ง เมื่อรวมสามอย่างเข้าด้วยกันโดยจะยุคสตีฟจ๊อบมีประสิทธิภาพมากที่สุด ซึ่งจะเห็นว่าการแบ่งรุ่น การฟ้องคู่แข่งคือกลยุทธ์รุกและควบคุมคู่แข่งของ Apple จากนั้นตัวเองก็ซุ่มวางตัวเปิดสินค้าใหม่ๆ โดยการเปิดสนามรบใหม่ๆที่คู่แข่งกำลังพะวงกับการรุกของ Apple อยุ่ นอกจากนี้ยังมีการจัดการแบ่งรุ่นและตัดสินค้าที่ไม่ทำรายได้ทิ้ง ทำให้เป็นการจัดการภายในที่มีประสิทธิภาพและลดต้นทุนโดยการจ้าง โรงงานจากเอเชีย ที่ต้นทุนต่ำกว่ายุโรปหรืออเมริกามาก จึงเป็นการชาญฉลาดอย่างมากที่ผู้ทำเช่นนี้ได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น