แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ IOS แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ IOS แสดงบทความทั้งหมด

วันจันทร์ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2557

E-book VS หนังสือปกติ

จากที่ผมได้อ่านข่าววันนี้ที่ เว็บบล๊อกนันในหัวเกี่ยวกับตลาดของ E-book ข่าวนั้นระบุเกี่ยวกับ B2S ผู้ขายหนังสือและเครื่องเขียนรายใหญ่เข้าซื้อหุ้น 75% ของ MEB เว็บขาย E-book ชื่อดัง(ลิงค์) เลยย้อนกลับมาที่ตัวเองซึ่งก็เป็นคนนึงที่ชอบแต่ E-book มากๆ แต่ไม่ชอบอ่านหนังสือปกติเลย (อ่านทีไรหลับตลอดยกเว้นหนังสือคอมพิวเตอร์) ทำให้ผมมีความคิดเห็นเกี่ยวกับ E-book ออกมาครับ แและ E-Book นี้ก็มีความเกี่ยวข้องกับเกี่ยวกับ IT เช่นกัน

วิวัฒนาการของการอ่านหนังสือนั้นมีมาตั้งแต่เริ่มมีคอมพิวเตอร์เลย คอมพิวเตอร์กับการอ่านหนังสือนั้นเริ่มมีคู่กันมาตั้งแต่ PC,Notebook และล่าสุดก็แท๊บเล็ต ซึ่งการอ่านหนังสือบนแท๊บเล็ตก็เป็นปัจจัยนึงที่สำคัญในการเลือกแท๊บเล็ต ผมคนนึงก็เป็นคนชอบอ่านหนังสือกับคอมพิวเตอร์และติดใจการอ่านหนังสือบนแท๊บเล็ตมาก และเหตุผลแรกที่ผมซื้อแท๊บเล็ตก็คือเอามาอ่านหนังสือนั่นเอง  สำหรับผม การอ่านหนังสือบแท๊บเล็ตคือสิ่งที่ผมเรียกว่า มันคือวิวัฒนาการของหนังสือขั้นนึง แน่นอนว่าหลายคนๆก็ไม่ชอบข้อนี้ เพราะการอ่านหนังสือกับหนังสือปกติไม่ใช่แท๊บเล็ตก็ยังมีคนชอบอยู่มาก ผมได้ถามเพื่อนๆหลายคนที่ชอบอ่านหนังสือและรวบรวมออกมาสรุปได้มีเหตุผลหลักๆก็คือ

  1. หนังสือเก่าเหมาะแก่การเก็บสะสม และอนุรักษ์ไว้
  2. การอ่านหนังสือกับหนังสือปกติ มันได้อารมณ์กว่าการอ่านกับแท๊บเล็ต
  3. ชินกับการอ่านหนังสือปกติมากกว่า เราสามารถเปิดในหน้าที่จำได้ โดยที่จะไม่ต้องจำหน้า แค่ขั้นหน้าไว้หรือ เปิดๆแบบเร็วๆก็ได้
ผมขอสรุปข้อดีของการการอ่านหนังสือแบบแท๊บเล็ตหรือ E-Book กับการอ่านแบบปกตินะครับ

หนังสือปกติ
ข้อดี
ข้อเสีย
  1. หาอ่านได้ง่ายกว่า e-book
  2. ร้านหนังสือมากมาย เรียกได้ว่าหาซื้อง่ายดาย เช่น B2S,SE-ED , ดอกหญ้า
  3. ได้อารมณ์กับการอ่าน เพราะกระดาษหนังสือรูปแบบต่างๆทำให้ได้อารมณ์กับผู้อ่านไปในตัว
  4.  ความง่ายในการปักหมุด ไม่ต้องเรียนรู้ใหม่ กับ โปรแกรม มีรูปแบบในการอ่านแค่แบบเดียว
  5. ไม่ปวดตาเวลาอ่านนานๆ
  6. การอ่านข้ามหน้าสามารถทำได้ง่ายมาก ขณะที่ใช้แท็บเล็ตจะมีขั้นตอนมากกว่าเล็กน้อย
  7. ไม่มีแบตเตอรี่ทำให้ ไม่ต้องเปลืองไฟและกลัวแบตหมด


1)      ยิ่งหนังสือมาก ยิ่งเปลืองพื้นที่มาก
2)      หนังสือมีอายุเก่า ตามสภาพวันและเวลา
3)      ต้องสรรหาอุปกรณ์ในการเก็บรักษา
4)      การฉีดขาดของหน้ากระดาษ ที่จำเป็นจะต้องถนออมและเปิดเบาๆ
5)      การพิมพ์บางสำนักพิมพ์ไม่ได้มาตรฐานทำให้บางเล่มขาดง่ายและหลุดเป็นแผ่นๆ
6) หนังสือบางเล่มใช้ตัวหนังสือเล็กทำให้ไม่เหมาะกับผู้สูงอายุ
7) อ่านในที่มืดๆ ไม่ได้เพราะไม่มีแสงสว่างในตัว


หนังสือ อิเล็กทรอนิก(E-book)
ข้อดี
ข้อเสีย
  1.      ไม่เปลืองสถานะที่จัดเก็บเพราะสามารถเก็บได้บน Server หรือบนแท็ตเล็ตเองได้
  2.       ไม่ต้องการการสูญหาย หากมีระบบจัดการและ Backup
  3.       ง่ายต่อการพกพาหลายๆเลม เนื่องจาก อยู่ในรูปแบบของไฟล์ และแท๊บเล็ตทำให้สามารถอ่านหนังสือหลายๆเล่มได้ง่าย
  4.      ตัวหนังสือไม่ว่าใหญ่หรือเล็กสามารถซูมได้ง่าย ทำให้ไม่เป็นอุปสรรคต่อผู้สูงอายุในการจะอ่านหนังสือ
  5.       สามารถอ่านได้แม้ในที่สว่างน้อย 
  6.       เผยแพร่ง่ายเพราะอยู่ในรูปแบบของไฟล์

1. ไม่สามารถ Highlight แถวหรือขีดเส้นได้หรือมาร์ดใดๆลงไปได้
2. หาที่ซื้อหนังสือยังน้อย ต้องหาซื้อเช่น ที่เว็บMEB,OOkbee 
3. การอัพเดตหนังสือใหม่ยังช้า
4. การชำระเงินในการซื้อยังไม่สะดวก
5. อุปกรณ์บางชนิดยังทำร้ายสายตาเมื่ออ่านนานๆ
6. การขั่นหน้าที่เราอ่าน เราต้องจำตัวเลขไว้ ซื้อถ้าเป็นหนังสือปกติการอ่านข้ามหน้าไม่จำเป็นจะต้องจำตัวเลข



จากที่เห็นข้อดีข้อเสียในการอ่านหนังสือ บน Tablet แล้ว ก็คงพอจะทำให้หลายๆคนพอจะพิจารณาได้ว่าจะเอาแท๊บเล็ตมาอ่านหนังสือดีหรือไม่ อย่างไรบ้าง ผมหวังวว่ามันจะช่วยระดับนึงนะครับ เพราะต้องคำนึงด้วยว่า ช่องว่างของเทคโนโลยีมาช่วยทดแทนจุดด้อยมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งบางทีการอ่านข้ามหน้าที่ตอนนี้ไม่ว่าโปรแกรมไหน ก็จะต้องจิ้มเกินสองครั้ง อาจจะต้องไม่จิ้มเลยก็ได้แค่ออกเสียงเอา
ผมมีความเห็นว่า เราควรอนุรักษ์หนังสือไว้ แต่ก็ควรจะเอาหนังสือเหล่านั้นสแกนมาเก็บไว้เพื่ออนุรักษ์ข้อความและความรู้ไว้ใน Server และเผยแพร่ให้กับทุกคนได้อ่าน เพราะข้อดีของไฟล์ก็มีอยู่ไม่น้อย ไม่ควรจะปฏิเสธซะเลยทีเดียว แค่นำสองอย่างมาไว้ก็พอครับ

สำหรับแท๊บเล็ตที่แนะนำในการอ่าน E-book คงแนะนำตัวใดตัวหนึ่งก็คงไมไ่ด้ แต่ผมแนะนำให้ซื้อหน้าจอตั้งแต่ 7 นิ้วขึ้นไปครับ แต่ไม่ควรเกิน 12" ครับ

เว็บไซต์ เพิ่มเติมเกี่ยวกับ E-book ครับ
1) MEB - www.mebmarket.com
2) OOKBee0- http://www.ookbee.com/
3) SEED - https://www.se-ed.com/e-books.aspx


วันพุธที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

แนวทางการพัฒนา Application Mobile



สำหรับแนวทางในการพัฒนา Appplication Mobile มีแนวทางที่ ตอนนี้ กำลังฮิตอยู่ 2 แนวทางคือ Native และ HTML5 จากประสบการณ์ของผมที่ผ่านมา ในการพัฒนาผมจึงเขียนเปรียบเทียบให้เห็นถึงข้อดีและข้อเสีย ของแต่ละแนวทางให้เห็นกัน

เปรียบเทียบ Native VS Html5
Topic
HTML5
Native
ความเร็วในการแสดงผล

Y
ความเร็วในการพัฒนา
Y

Reuse Code
Y

ความซับซ้อนในการพัฒนา
Y

Tool ในการพัฒนา
DRAW
DRAW
การจัดการหน้าจอ
Y

SQLite

Y
Thread Programming

Y
Design หน้าจอ
Y


ปัจจัยที่ทำให้ประมวลผลช้าในการพัฒนาด้วย HTML5

  1.  ขนาดของ HTML ยิ่งมีขนาดใหญ่จะทำให้ App ช้าลง เพราะต้องโหลดมากขึ้น
  2. การ Include javascript,css ที่ไม่จำเป็น จะมีผลกับการประมวลผลของ App มาก
  3. ความเร็วของอินเตอร์เน็ต


สรุป
ถ้าการพัฒนา Application บน Mobile นั้นสะดวกสุด ตัวเลือกคือ HTML5 เนื่องจากเหตุผลว่า การพัฒนาที่ง่ายและการ Reuse Code ทำให้เหมาะกับการพัฒนา Application Cross Plat form ที่สามารถใช้ได้ทั้ง Windows,IOS,Android  และการดีไซน์หน้าจอที่ใช้ HTML +CSS ทำให้การทดสอบและออกแบบหน้าจอไม่ได้ซับซ้อน

อธิบายเพิ่มเติม
สำหรับการพัฒนา Application บน Mobile โดยใช้รูปแบบของ Native Application จะมีข้อเสียสำคัญดังนี้

  1. ความซับซ้อนในการพัฒนาและการจัดการหน้าจอแสดงผล  ด้วยการเขียนโค้ดที่พึ่งพาภาษา Java และ Tool Eclipse ที่มีความยืดหยุ่นและหลากหลาย  Eclipse มีความฉลาดน้อย ทำให้การพัฒนาต้องพึ่งนักพัฒนาที่มีความเชี่ยวชาญในการวาง Pattern อย่างดี เพื่อให้ความง่ายและเป็นระเบียบในการพัฒนา
  2.  การดีไซน์หน้าจอที่ ยุ่งยากเกินไป และต้องทำถึงสองครั้ง โดยการทำแบบ Portrait และ Landscape ขณะที่ HTML5 จะมีโค้ดที่ Responsive ที่สามารถใช้ได้ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอขนาดไหน
  3. การต้องหา Component สำหรับแสดงผล เช่นการแสดง กราฟ แสดงผลที่ไม่มี Support จำเป็นต้อง หาเป็น Open source เข้ามา

ข้อดีของ Native
1)      การทำ Thread Programming และการแสดงผลที่เร็ว ในการแสดงแต่ละหน้า Page ทำให้ เหมาะกับการพัฒนา Application ขนาดใหญ่ ที่มีการประมวลผล จำนวนมาก
2)      การติดต่อฐานข้อมูลและการทำ Backgroud Process โดย Native App จะมีการใช้ SQLite รองรับเต็มมรูปแบบ แต่ส่วนของ HTML5 ยังไม่มีการเปิดใช้เต็มรูปแบบทำให้หลีกเลียงไปใช้ WebStorage ประเภท LocalStroage แทนแต่ว่าก็ยังทดแทนได้ไม่เต็มที่นัก

สำหรับการพัฒนาด้วย HTML5 จะมีข้อเสียดังนี้
1)      ไม่เหมาะกับ App ที่ต้องมีการประมวลผลข้อมูลจำนวนมากๆ เนื่องจาก การประมวลผลของ Javascript ไปยัง Server จะช้ากว่าของ Native ทำให้การใช้ข้อมูลจำนวนมากๆ ยกตัวอย่างเช่นการทำแอพพลิเคชั่น Social Network ขนาดใหญ่อย่าง Facebook จึงไม่เหมาะ เพราะการทำ Thread แบ่ง Thread ใน HTML5 นั้นทำได้ยาก ขณะเดียวกันใน Native กับทำด้านนี้ได้ดีกว่า
2)      ไม่มีฐานข้อมูลรองรับ ต้องพึ่งพา WebStorage เป็นหลัก
3)      มาตรฐาน HTML5 ยังไม่สมบูรณ์
4)      ต้องพึ่งการ Compile จาก Phonegap อีกที ทำให้การแสดงผลช้ากว่าของ Native
5)      การทดสอบ Debugger ทำไม่ได้ง่ายๆ
ข้อดีของ HTML5
1)      ความยืดหยุ่นในการพัฒนา โดยการยืดหยุ่นสูง ทำให้สามารถ Cross-Platform ได้ง่ายและด้วยมาตรฐาน HTML5+Javascript+CSS ที่โปรแกรมเมอร์หลายคนในไทยมีความรู้ความเข้าใจทำให้แก้ไขและต่อยอดได้ง่าย
2)      ระยะเวลาในการพัฒนาเร็วกว่าของ Native
3)      การจัดการหน้าจอด้วยแท๊ก HTML5 ทำให้การพัฒนาง่ายและเร็ว พร้อมกับมี Concept Responsive ที่เขียนทีเดียวสามารถใช้ได้ทั้งหน้าจอแบบ Portrait และ Landscape เลย
4)      Component ของทาง JQuery มีมาก ทำให้การค้นหา Tool ไม่ยุ่งยาก
5)      ไม่ต้องใช้ความรู้ในการพัฒนาสูง สามารถแยกงานกันทำได้โดยแยกเป็นส่วนของ Service และ Client ได้ ในส่วนของ Client ถ้ามีการใช้ concept MVVM ก็จะทำให้การแสดงผลง่ายขึ้นอีก และ Service ก็ไม่ต้องใช้ผู้ชำนาญมาก

การ Connect Server
Native App และ HTML5 สามารถ Connect ได้โดยการ Connect ผ่าน RESTful  เซอร์วิสที่ ต้องมี Server ไว้ประมวลผล ทั้งนี้การพัฒนา Native App จะได้ประสิทธิภาพมากกว่าเพราะ ผู้ขียนส่วนใหญ่มักจะสร้าง Database SQLite ไว้ที่ App ทำใหเวลาใช้ App จะไม่ได้ connect กับทาง Server เพื่อแสดงผลตลอดทุกครั้งแต่จะมีการแบ่งโดย Connect เข้าสู่ SQLite เพื่อแสดงผล จากนั้นจะทำการประมวลผลเบื้องหลังโดยการ Connect กับทาง Server ผ่าน Process อีกทางเพื่อ Synchronize ข้อมูลเข้าสู่ฐานข้อมูล SQLite ทำให้การแสดงผล นั้นจะเร็วกว่า