หลายคนคงรู้จักกับ Windows และมีประสบการณ์ที่ทั้งดีและไม่ดีทั้งหลายปนกันไป Windows เกิดจากบริษัท Microsoft มีประวัติศาสตร์ยาวนานก่อตั้งมาหลัง Apple เล็กน้อย แต่ทว่าความสำเร็จไม่น้อยหน้ากันเท่าไร วันนี้เดินหน้ามาถึงคำว่า One Windows จะเป็นเช่นไร และความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญจะเป้นยังไงเชิญติดตามกันที่นี่เลยครับ
https://www.blognone.com/node/59429
นายไอที
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Microsoft แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Microsoft แสดงบทความทั้งหมด
วันอังคารที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2557
วันพุธที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2557
โอกาสฟื้นฟู ของ PC
ตอนนี้เราปฏิเสธกันไม่ได้เลยว่า ปัจจุบันได้เข้าสู่ ยุคหลัง PC เรียบร้อยแล้ว แต่ละคนเริ่มมีคอมพิวเตอร์พกพาส่วนตัวกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Tablet, Smartphone และกำลังจะเข้าสู่ยุค Smart Wearable กันอีกด้วย เจ้า Smart Wearable เดี๋ยววก็เริ่มกำลังมาแล้ว พร้อมกับได้แรงผลักดันจาก ค่าย IT ต่างๆโดย เฉพาะ google กับ Samsung แต่ว่าไม่ใช่แค่นั้น ปัจจุบันเนื่องด้วยเทคโนโลยีมันไปไกลขึ้น Smart Wearable เป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นเอง มันยังไม่จบแค่นี้หรอก แต่วันนี้ไม่ได้มาพูดเรื่องนี้ครับ ผมจะพูดถึงโอกาสของ PC ที่มีแนวโน้มจะดีขึ้นเนื่องด้วยปัจจัยเสริมดังนี้
1) การเปลี่ยนผ่านของ Windows Xp ไป 7 ซึ่งแน่นอนว่า ไมโครซอฟท์เองก็เพิ่งประกาศไปไม่นานว่า อีกไม่ช้าก็จะเลิกสนับสนุน Windows 7 เช่นกัน (แต่คงนานกว่า XP แน่นอน) ทำให้หลายบริษัทเริ่มเปลี่ยนถ่ายจาก XP มา 7 หรือ 8 ซึ่ง การเปลี่ยนตรงนี้ ทำให้ยอดขายของ PC พวก NB กลับมามากขึ้น
2) Windows 9 ปัจจยันี้จะเป้นปัจจัยนึงที่คนจะกลับมาซื้อ NB หรือ PC มากขึ้นเพราะว่าหลายคนเองก็รอความสมบูรณ์ของ Windows ที่ออกมา ล่าสุดก็ได้มีหน้าจอออกมาบ้างแล้วแต่ว่ายังคงแค่หลุดเท่านั้น แต่หลายคนก็ให้ความสนใจกับมันมากทีเดียว
3) จุดอิ่มตัวของ Smart Device อุปกรณ์จำพวก BYOD นั้น มีความสะดวกในการพกพาและให้ความบันเทิงแต่จุดอ่อนของพวกนี้ยังแก้ไม่ได้นั่นคือ พวก Performance และความสามารถในการทำงาน หลายๆคนยังคงใช้ Linux หรือ Windows ควบคู่กันไปเสมอ ฉะนั้นเราจึงเห็น หลายๆเจ้าพยายามจะเกทับเอา Tablet จอใหญ่ๆออกมาเพื่อให้ทดแทนการทำงานอย่างสมบูรณ์แบบ แต่ก็ยังทำไม่ได้ด้วยข้อจำกัดทางเทคโนโลยีที่เกิดกับปัจจุบัน(ตรงนี้ผมคาดว่าเทคโนโลยีคงจะพร้อมในอีก 4 ปีข้างหน้า แ่ต่ Tablet จะอยู่รึเปล่าอีกเรื่องนะครับ) Smart Device จุดแข็งคือสะพวกพกพาและบันเทิง แต่คณะเดียวกันมันยากต่อการจัดการกับองค์กร โดยเฉพาะการทำงานบนองค์กรถ้า Device มันหลากหลายจนเกินไป องค์กรทั้งหลายก็กังวลว่ามันอาจจะทำให้เกิดข้อมูลรั่วไหลโดยง่ายไดด้ จึงยังคงไม่อยากเปลี่ยนจาก Windows,PC ไปเป้นอย่างอื่นมากนัก ประกอบกับ การทำงานหลายๆอย่าง เช่นการ ตัดต่อวีดีโอ การพัฒนา Software หรือ การทำกราฟฟิกดีไซน์ การทำงานที่แท้จริงที่อาศัย Performance หนักๆ ยังคงทำไมไ่ด้จึงจำเป็นจะต้องใ้ช PC ต่อไป
4) ด้วยปัจจัยข้างต้น 3 ทางประกอบกัน มันบรรจบกับการเปลี่ยนถ่ายเทคโนโลยีพอดี ซึ่งทางเลือกของผู้บริโภคจึงจำเป็นจะต้องซื้อคอมเครื่องใหม่
จากที่ได้กล่าวมาข้างต้นเป็นการวิเคราะห์จากสภาพแนวโน้มของตลาดที่เกิดขึ้นนะครับ แต่ว่า PC มีโอกาสฟื้นตัว แต่ครั้งนี้จะได้ไม้ตายเด็ดขาด ควรจะมีเกี่ยวกับ Smart Home เข้ามาจัดการด้วย ถ้าสามารถใช้ Smart Home Client-Server ที่เซ็ด Admin ให้ได้พร้อมกับมี Cortana ที่สื่อสารระหว่าง Client-server ด้วย จะดีมาก โดยสั่งการผ่าน Smart Phone ให้ Server Cortana จัดการละก็จะ Perfect ไปเลย
ทีนี้มาขอเสนอแนวทางที่ PC ควรจะมีเสริมเข้าไปในเส้นทางตรงนี้บ้าง
1) ควรจะมีการเพิ่ม Feature เกี่ยวกับ AI อย่าง Cortana ให้มีหลากหลายภาษาและบทบาทในการใช้ในชีวิตประจำวันมากขึ้น เช่น การสั่งงานทางด้านบันเทิง ที่เป็น Home Service เข้าไปด้วย
2) ขยาย API ให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น โดย ครอบคลุมการ OCR และ ฟีเจอร์เสียงเข้าไปด้วย เพื่อล่อให้นักพัฒนาหันมาสนใจทำ Native อีกครั้ง
3) 3G-4G-5G ต้องให้ความสนใจมากขึ้นกว่านี้ อุปกรณ์หลายตัว ของ Windows, PC ไม่สามารถติตด่อกับ 3G ได้ มันทำให้ไม่เข้ากับยุคปปัจจุบันที่อินเตอร์เน็ตครอบคลุมทั่วโลกไปเรียบร้อยแล้ว
4) ใช้โอกาสนี้ ปิดสิ่งที่ไม่จำเป็นลง ยกตัวอย่างเช่น แฟลชหันไปสนับสนุน Native เต็มตัวซะพร้อมกับหนุน ปล่อย Office ให้ฟรีเป็นฟีเจอร์หลักไ จะช่วยให้ดึงดูดผู้ลงทุนมากขึ้น เพราะนักพัฒนามา ผู้ลงทุนมาผู้ใช้ก็จะกลับมาด้วย
5) มีความเป็นตัวเองให้มากขึ้น นั่นคือ ขยาย Platform ได้แต่จงอย่า พยายามผลักดันให้ Platform อื่นมาเสียบของตัวเอง เพราะนั่นคือการทำให้ Developer ไม่ให้ความสำคัญของตัวเองทันที ควรทำ Service ขึ้นมาแทน นั่นคือการแปลง App อย่างสมบูรณ์ เพื่อให้ สามารถพัฒนาทีเดียวไปได้หลาย Platform แต่อาจจะมีพิเศษที่ถ้าเป็น C# อาจจะมีความสามารถในการเข้าถึงฐานข้อมูลที่เร็วกกว่า Platform อื่นเป็นต้น
6) ใส่ใจกับองค์กร ขยายตลาดองค์กรไม่เน้นที่การบริการองค์กรอย่างเดียวแต่ควรจะหันไปจับมือกับ Adobe เต็มตัวได้แล้ว หากสามารถทำได้ Photoshop & Office ราคาถูก จะทำให้ยอดขายกัลบัมาได้
7) Tools ราคาไม่แพงเกินไป ปัญหานี้สำคัญมากเพราะอย่าลืม Eclipse ถูกจนไร้ราคาแต่ VSD แพงมากจนไม่รู้จะพูดไง ควรทำ Tool Development VSD เวอร์ชั่น Basic ที่มีฟีเจอร์ให้ใกล้เคียงกับ Pro เพื่อให้นักพัฒนาทั้งถูกกฎหมายและผิดกฎหมายกลับมาใช้งานให้ได้ก่อน
นายไอที (IT)
1) การเปลี่ยนผ่านของ Windows Xp ไป 7 ซึ่งแน่นอนว่า ไมโครซอฟท์เองก็เพิ่งประกาศไปไม่นานว่า อีกไม่ช้าก็จะเลิกสนับสนุน Windows 7 เช่นกัน (แต่คงนานกว่า XP แน่นอน) ทำให้หลายบริษัทเริ่มเปลี่ยนถ่ายจาก XP มา 7 หรือ 8 ซึ่ง การเปลี่ยนตรงนี้ ทำให้ยอดขายของ PC พวก NB กลับมามากขึ้น
2) Windows 9 ปัจจยันี้จะเป้นปัจจัยนึงที่คนจะกลับมาซื้อ NB หรือ PC มากขึ้นเพราะว่าหลายคนเองก็รอความสมบูรณ์ของ Windows ที่ออกมา ล่าสุดก็ได้มีหน้าจอออกมาบ้างแล้วแต่ว่ายังคงแค่หลุดเท่านั้น แต่หลายคนก็ให้ความสนใจกับมันมากทีเดียว
3) จุดอิ่มตัวของ Smart Device อุปกรณ์จำพวก BYOD นั้น มีความสะดวกในการพกพาและให้ความบันเทิงแต่จุดอ่อนของพวกนี้ยังแก้ไม่ได้นั่นคือ พวก Performance และความสามารถในการทำงาน หลายๆคนยังคงใช้ Linux หรือ Windows ควบคู่กันไปเสมอ ฉะนั้นเราจึงเห็น หลายๆเจ้าพยายามจะเกทับเอา Tablet จอใหญ่ๆออกมาเพื่อให้ทดแทนการทำงานอย่างสมบูรณ์แบบ แต่ก็ยังทำไม่ได้ด้วยข้อจำกัดทางเทคโนโลยีที่เกิดกับปัจจุบัน(ตรงนี้ผมคาดว่าเทคโนโลยีคงจะพร้อมในอีก 4 ปีข้างหน้า แ่ต่ Tablet จะอยู่รึเปล่าอีกเรื่องนะครับ) Smart Device จุดแข็งคือสะพวกพกพาและบันเทิง แต่คณะเดียวกันมันยากต่อการจัดการกับองค์กร โดยเฉพาะการทำงานบนองค์กรถ้า Device มันหลากหลายจนเกินไป องค์กรทั้งหลายก็กังวลว่ามันอาจจะทำให้เกิดข้อมูลรั่วไหลโดยง่ายไดด้ จึงยังคงไม่อยากเปลี่ยนจาก Windows,PC ไปเป้นอย่างอื่นมากนัก ประกอบกับ การทำงานหลายๆอย่าง เช่นการ ตัดต่อวีดีโอ การพัฒนา Software หรือ การทำกราฟฟิกดีไซน์ การทำงานที่แท้จริงที่อาศัย Performance หนักๆ ยังคงทำไมไ่ด้จึงจำเป็นจะต้องใ้ช PC ต่อไป
4) ด้วยปัจจัยข้างต้น 3 ทางประกอบกัน มันบรรจบกับการเปลี่ยนถ่ายเทคโนโลยีพอดี ซึ่งทางเลือกของผู้บริโภคจึงจำเป็นจะต้องซื้อคอมเครื่องใหม่
จากที่ได้กล่าวมาข้างต้นเป็นการวิเคราะห์จากสภาพแนวโน้มของตลาดที่เกิดขึ้นนะครับ แต่ว่า PC มีโอกาสฟื้นตัว แต่ครั้งนี้จะได้ไม้ตายเด็ดขาด ควรจะมีเกี่ยวกับ Smart Home เข้ามาจัดการด้วย ถ้าสามารถใช้ Smart Home Client-Server ที่เซ็ด Admin ให้ได้พร้อมกับมี Cortana ที่สื่อสารระหว่าง Client-server ด้วย จะดีมาก โดยสั่งการผ่าน Smart Phone ให้ Server Cortana จัดการละก็จะ Perfect ไปเลย
ทีนี้มาขอเสนอแนวทางที่ PC ควรจะมีเสริมเข้าไปในเส้นทางตรงนี้บ้าง
1) ควรจะมีการเพิ่ม Feature เกี่ยวกับ AI อย่าง Cortana ให้มีหลากหลายภาษาและบทบาทในการใช้ในชีวิตประจำวันมากขึ้น เช่น การสั่งงานทางด้านบันเทิง ที่เป็น Home Service เข้าไปด้วย
2) ขยาย API ให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น โดย ครอบคลุมการ OCR และ ฟีเจอร์เสียงเข้าไปด้วย เพื่อล่อให้นักพัฒนาหันมาสนใจทำ Native อีกครั้ง
3) 3G-4G-5G ต้องให้ความสนใจมากขึ้นกว่านี้ อุปกรณ์หลายตัว ของ Windows, PC ไม่สามารถติตด่อกับ 3G ได้ มันทำให้ไม่เข้ากับยุคปปัจจุบันที่อินเตอร์เน็ตครอบคลุมทั่วโลกไปเรียบร้อยแล้ว
4) ใช้โอกาสนี้ ปิดสิ่งที่ไม่จำเป็นลง ยกตัวอย่างเช่น แฟลชหันไปสนับสนุน Native เต็มตัวซะพร้อมกับหนุน ปล่อย Office ให้ฟรีเป็นฟีเจอร์หลักไ จะช่วยให้ดึงดูดผู้ลงทุนมากขึ้น เพราะนักพัฒนามา ผู้ลงทุนมาผู้ใช้ก็จะกลับมาด้วย
5) มีความเป็นตัวเองให้มากขึ้น นั่นคือ ขยาย Platform ได้แต่จงอย่า พยายามผลักดันให้ Platform อื่นมาเสียบของตัวเอง เพราะนั่นคือการทำให้ Developer ไม่ให้ความสำคัญของตัวเองทันที ควรทำ Service ขึ้นมาแทน นั่นคือการแปลง App อย่างสมบูรณ์ เพื่อให้ สามารถพัฒนาทีเดียวไปได้หลาย Platform แต่อาจจะมีพิเศษที่ถ้าเป็น C# อาจจะมีความสามารถในการเข้าถึงฐานข้อมูลที่เร็วกกว่า Platform อื่นเป็นต้น
6) ใส่ใจกับองค์กร ขยายตลาดองค์กรไม่เน้นที่การบริการองค์กรอย่างเดียวแต่ควรจะหันไปจับมือกับ Adobe เต็มตัวได้แล้ว หากสามารถทำได้ Photoshop & Office ราคาถูก จะทำให้ยอดขายกัลบัมาได้
7) Tools ราคาไม่แพงเกินไป ปัญหานี้สำคัญมากเพราะอย่าลืม Eclipse ถูกจนไร้ราคาแต่ VSD แพงมากจนไม่รู้จะพูดไง ควรทำ Tool Development VSD เวอร์ชั่น Basic ที่มีฟีเจอร์ให้ใกล้เคียงกับ Pro เพื่อให้นักพัฒนาทั้งถูกกฎหมายและผิดกฎหมายกลับมาใช้งานให้ได้ก่อน
นายไอที (IT)
วันอังคารที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2557
WP & Win RT แนวทางต่อไปของ Microsoft
ช่วงนี้ดูเหมือนกระแส Android กับ IOS จะกลบกระแสของ WP
อย่างสิ้นเชิง แน่นอนว่าปัญหาใหญ่ของ WP ยังไม่ได้รับการแก้ไข
นั่นคือ App น้อย ปัญหานี้เหมือนจะแก้ไขก็ไม่ได้แก้ไขอย่างจริงจัง
มันเพราะอะไรกัน? เรามาดูกันนะครับว่าสาเหตุนั่นมาจากอะไร
1)
หน้าจอ WP
ไม่ถูกใจและล้าสมัย
2)
App น้อย น้อยจนน่ากลัว
และหลายๆ App กลับไม่ถูกจุด
3)
ต้องยอมรับความจริงว่า
Office
ไม่ใช่จุดขาย ไม่มีใครอยากเอา WP มาพิมพ์ Word
หรอก
4)
การใช้งานที่ไม่เหมือนกับทั้งสองเจ้าหลักที่อยู่ปัจจุบัน
แม้ WP
จะตอบได้ว่เป็น Smartphone แต่จุดแข็งนั้นกลับไม่เห็นได้ชัดนัก
ยกตัวอย่างเช่น Android มีจุดแข็งคือฟรีและอิสระ สังเกตุว่า Android
แต่ละเจ้ามีหน้าจอแทบจะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงและฟีเจอร์
สาเหตุเรพาะความอิสระนั่นเอง เป็นต้น
5)
การทำการตลาดที่ช้าของ
Microsoft
สาเหตุใหญ่อาจจะมาจากตรงนี้เลยก็ว่าได้ เพราะ Microsoft ประเมิน Android ต่ำเกินไปทำให้ต้องเสียจุดขายของตลาดนี้ไป
อันนี้เป็นจุดอ่อนใหญ่ของ Microsoft ที่ต้องแก้ไขกันระยะยาวเลย
ความเชื่องช้า การไหวตัวแต่ละอย่างที่ช้าและไม่ทันทำให้ ผู้ใช้ไม่ตอบสนอง
6)
การหยุดนิ่งช่วงเปลี่ยนผ่านระหว่างไมโครซอฟท์และโนเกีย
ช่วง 6
เดือนตั้งแต่ มค.- กค. นั้น WP แทบจะไม่มี โทรศัพท์ที่เป็นจุดขายจุดใหม่เลย มีแต่จุดเดิมๆที่วนเวียนอยู่
แม้จะเปลี่ยนเป็น WP 8.1 แต่ก็ไม่ได้ชูจุดขายใดๆทั้งสิ้น
7)
ผู้ใช้ที่เคยใช้เริ่มบ่นว่า
ห่วย สาเหตุเพราะไม่มีอะไรคืบหน้าเลยจะเล่นเกมหรือ Social ก็ไม่เต็มที่ ไม่มีสักอย่างทำให้ผู้ใช้เริ่มมองว่ามันกำลังจะตาย
8)
ทีม Windows
Phone ไม่เก่งพอ อันนี้น่าจะชัดเจนกว่าอย่างอื่น เพราะ WP ไม่โตนั้นเพราะ API ไม่ได้ประสิทธิภาพ
และการจำกัดในการเข้าถึง System ของ WP เองก็เป็นส่วนหนึ่งด้วย
แนวทางแก้ไข
ใช้การตลาดเข้ามาแก้ไขโดยการตัดลดเพิ่มสร้างมันซะสิ
1) ตัด
ตัดออกซะในส่วนของไม่จำเป็น ไม่ใช่ราคาตัดออกแต่ตัดความคิดหน้าจอสีเหลี่ยมๆ
ออกไปเลย เ อาความคิดโนเกียเดิมๆเข้าใส่บ้างว่า SmartPhone ทำไมต้องเป็นแต่จอเหลี่ยมๆ ทำไมไม่ทำจอโค้งหรือวงรีออกมาหรืออะไรก็ตามที่มันดูมีสไตล์
เหมือนโนเกียในอดีตออกมาบ้างสิ
a. ตัด
App
ไม่จำเป็นออก ซะ หันมาโฟกัสที่ App ที่คนรู้จักกันให้ครบก่อน
2) ลด
a. ลดความรู้สึกที่เป้น
PC
ลงไป
b. ลดเวลาในการพัฒนาลงซะ
ในแต่ละเวอร์ชั่น ลดลง
3) เพิ่ม
a. เพิ่ม
การตลาดให้มากขึ้น ช่องทางการสื่อสารและรับสาร
b. เพิ่ม
การตอบสนองต่อเสียงลูกค้าให้ไวขึ้น ไม่ใช่ 6-8 เดือน
c.
เพิ่ม
จุดแข็งที่แท้จริงของ OS ออกมา ให้ชัดขึ้น
นอกจาก Office แล้วมีอะไรบ้าง เช่น เพิ่มจุดขายที่ OS
ที่มีเล่นเกมได้ดีที่สุดในโลก
d. เพิ่ม
Port
ให้มากขึ้น นั่นคือนอกจาก USB แล้วควรจะมี Port
เชื่อมต่อ HDMI เข้ามาจะดีมาก มันจะทำให้
ดูน่าสนใจกว่าเดิม และยังเป็นการเพิ่มความบันเทิงให้ดูน่าใช้อีกด้วย
4) สร้าง
a. สร้าง
ทีมงาน IT
ใหม่ที่เน้น API ทางด้านบันเทิงและเกมให้ดีขึ้น
โดยนำ X-Box เข้ามาร่วม
b. Visual
Studio สำหรับพัฒนา WP ที่มีประสิทธิภาพ
และฟรี
c.
3D ไม่ใช่ตอบโจทย์ต้องตอบโจทย์ว่าสิ่งที่ลูกค้าใช้
SmartPhone เพราะอะไรจำเป็นจะต้องสร้างประสบการณ์ที่มี่คุณค่า
นั่นคือ หน้าจอ UI ใหม่ ที่ดูดีกว่าเดิมและให้ความรู้สึกว่ามันคือ
SmartPhone
วันจันทร์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2557
ทำไมต้อง Developer ด้วย .net
วันนี้ผมได้ไปเจอ บทความ ทำไมถึงย้ายออก จาก .net(Why I Left the. NET Framework) จาก http://blog.jonathanoliver.com/why-i-left-dot-net/ ถ้าอ่านจากบทความนี้มันคือใช่เลยของข้อเสียของ .net นะครับ แต่ผมมีข้อให้คิดและแจกแจงให้สำหรับคนที่คิดจะย้ายจาก .net ไปอย่างอื่นนะครับ
ข้อดี
1) Opensource มีความก้าวหน้ารวดเร็วของเทคโนโลยี Framework มีหลากหลายให้หยิบใช้
2) Opensource มีการลงทุนต่ำและหาคนใช้งานเป็นได้มากมาย
3) มี Developer จำนวนมากกว่า
4) JAVA,PHP สามารถเข้าถึงการ Compile หรือ การ Build โค้ดได้ โดย Manual ทำให้ผู้ใช้เรียนรู้โครงสร้างการ Build โปรแกรมได้ทั้งหมด
5) Tools มีหลากหลาย เช่น Eclipse, Editplus,Notepad++
6) Server Cloud Opensource มีหลากหลายมาก ทั้ง Amazon ,Digital Ocean ในไทยก็เริ่มมีหลากหลายเช่น Chaiyo Host
7) Big Data มีการ Support แล้ว จากการใช้ Hadoop
ข้อเสีย
1) การ Maintenance ต้องอาศัยผู้ชำนาญ แต่ .net Visual Studio(VS) กับ Framework มันพร้อมอยู่แล้ว
2) ต้องเลือก Web Server แต่ .Net framework ใช้แต่ IIS
3) Tools แต่ละตัวไม่ดีเท่ากับ VS เพราะในแง่ Intelligence ที่เป็นตัวช่วยสำคัญในการพัฒนา
4) ผู้พัฒนามีจำนวนมาก แต่ผู้ชำนาญแท้จริง มีจำนวนน้อย ที่จะ Manage จัดการกับ Server ได้
5) การเปลี่ยนมือของ Developer เป็นปัญหาเสมอ หากความชำนาญต่างกันจะยิ่งกลายเป็นปัญหา เพราะโค้ดคนเก่าๆ บางทีใช้คำสั่งแบบที่คนใหม่ๆไม่เข้าใจ
6) ไม่มี Linq to sql หรือ Lambda Expression และ Entity Freamework ที่เป็น Tools ในการจัดการ CRUD ที่ทำให้การพัฒนา ซอฟท์แวร์ติดต่อฐานข้อมูลเป็นเรื่องง่ายๆ
7) การย้ายระบบ (Migration) ยุ่งยากกว่าเพราะ Feature หลายๆอย่าง ต้องสร้างเองทั้งหมด
ข้อเสียของ .Net
1) ต้นทุนสูง ไมโครซอฟท์เก็บค่า่ License ค่อนข้างแพงมาก
2) ทุกอย่างถูกปิดด้วย .Net Framework ที่ออกแบบมาอย่างดี
3) กิน Resource มากจาก Visual Studio
4) Server หาในไทยยาก และแพง ที่ผมใช้อยู่จะเป็น Hosting Vinhost กับ Hosting Dynamo
5) Windows AZure แพงกว่า Server Opensource
6) มี Hadoop จัดการกับ Big Data
7) ยังไม่มี การ Support กับทาง NOSQL
ทั้งหมดนี้ผมแสดงให้เห็นถึงข้อดีข้อเสียที่ผมพบนะครับ แต่โดยส่วนตัวผมสนับสนุน .net อยู่แล้วเหตุผลเพราะว่า เวลาการพัฒนาและจัดการมันเร็วกว่า Opensource เยอะ และการเปลี่ยน Version ส่วนใหญ่ไม่กระทบมาก ปรับเปลี่ยนได้เร็วกว่า Opensource มากครับ
ข้อดี
1) Opensource มีความก้าวหน้ารวดเร็วของเทคโนโลยี Framework มีหลากหลายให้หยิบใช้
2) Opensource มีการลงทุนต่ำและหาคนใช้งานเป็นได้มากมาย
3) มี Developer จำนวนมากกว่า
4) JAVA,PHP สามารถเข้าถึงการ Compile หรือ การ Build โค้ดได้ โดย Manual ทำให้ผู้ใช้เรียนรู้โครงสร้างการ Build โปรแกรมได้ทั้งหมด
5) Tools มีหลากหลาย เช่น Eclipse, Editplus,Notepad++
6) Server Cloud Opensource มีหลากหลายมาก ทั้ง Amazon ,Digital Ocean ในไทยก็เริ่มมีหลากหลายเช่น Chaiyo Host
7) Big Data มีการ Support แล้ว จากการใช้ Hadoop
ข้อเสีย
1) การ Maintenance ต้องอาศัยผู้ชำนาญ แต่ .net Visual Studio(VS) กับ Framework มันพร้อมอยู่แล้ว
2) ต้องเลือก Web Server แต่ .Net framework ใช้แต่ IIS
3) Tools แต่ละตัวไม่ดีเท่ากับ VS เพราะในแง่ Intelligence ที่เป็นตัวช่วยสำคัญในการพัฒนา
4) ผู้พัฒนามีจำนวนมาก แต่ผู้ชำนาญแท้จริง มีจำนวนน้อย ที่จะ Manage จัดการกับ Server ได้
5) การเปลี่ยนมือของ Developer เป็นปัญหาเสมอ หากความชำนาญต่างกันจะยิ่งกลายเป็นปัญหา เพราะโค้ดคนเก่าๆ บางทีใช้คำสั่งแบบที่คนใหม่ๆไม่เข้าใจ
6) ไม่มี Linq to sql หรือ Lambda Expression และ Entity Freamework ที่เป็น Tools ในการจัดการ CRUD ที่ทำให้การพัฒนา ซอฟท์แวร์ติดต่อฐานข้อมูลเป็นเรื่องง่ายๆ
7) การย้ายระบบ (Migration) ยุ่งยากกว่าเพราะ Feature หลายๆอย่าง ต้องสร้างเองทั้งหมด
ข้อเสียของ .Net
1) ต้นทุนสูง ไมโครซอฟท์เก็บค่า่ License ค่อนข้างแพงมาก
2) ทุกอย่างถูกปิดด้วย .Net Framework ที่ออกแบบมาอย่างดี
3) กิน Resource มากจาก Visual Studio
4) Server หาในไทยยาก และแพง ที่ผมใช้อยู่จะเป็น Hosting Vinhost กับ Hosting Dynamo
5) Windows AZure แพงกว่า Server Opensource
6) มี Hadoop จัดการกับ Big Data
7) ยังไม่มี การ Support กับทาง NOSQL
ทั้งหมดนี้ผมแสดงให้เห็นถึงข้อดีข้อเสียที่ผมพบนะครับ แต่โดยส่วนตัวผมสนับสนุน .net อยู่แล้วเหตุผลเพราะว่า เวลาการพัฒนาและจัดการมันเร็วกว่า Opensource เยอะ และการเปลี่ยน Version ส่วนใหญ่ไม่กระทบมาก ปรับเปลี่ยนได้เร็วกว่า Opensource มากครับ
วันพุธที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2557
ฐานข้อมูล SQL Server 2012
ฐานข้อมูลคือแหล่งเก็บข้อมูลที่สำคัญของระบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เว็บ ,แอพ หรือ Server ก็ต้องมีการเก็บบันทึกฐานข้อมูลทั้งสิ้น ในฐานข้อมูลที่ผมเคยใช้มานั้นมีไม่มาก แต่ว่าผมชื่นชอบสุดคือ SQL Server ผมเริ่มใช้ตั้งแต่ Version 2000 จนปัจจุบันล่าสุด 2012 แล้วแต่โดยรวมนั้นผมยังหาจุดแตกต่างไม่ได้แต่วันนี้ผม ได้ค้นหาและพบถึงฟีเจอร์ พื้นฐานสำหรับ SQL Server 2012 มาให้ดูกันครับ
(อ้างอิงจาก : http://bellnaka2519.wordpress.com/2012/11/19/%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%90%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B9%89%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%87-sql-server-2012-database/)
พื้นฐานและโครงส้ราง SQL Server 2012 Database คำสั่งและการใช้งาน
สิทธิ์การใช้งานที่ง่าย
SQL Server 2012 จะมีสองตัวเลือก –
คือที่อยู่บนพื้นฐานของ computing power และที่อยู่บนพื้นฐานของผู้ใช้หรืออุปกรณ์
(users หรือ devices) (ดูตารางด้านล่างสำหรับการเปรียบเทียบทางเลือกของ
new licensing ต่อ edition)
ความยืดหยุ่นและนวัตกรรม
Cloud-optimized licensing ให้สิทธิ์ single Virtual Machine (VM) หรือให้สิทธิ์เซิร์ฟเวอร์สำหรับ virtualization อย่างสูงสุด เช่นเดียวกับความยืดหยุ่นในการย้าย VMs ของคุณจากเซิร์ฟเวอร์ไปยังเซิร์ฟเวอร์ หรือไปยัง hosters หรือไปยัง cloud
ความยืดหยุ่นและนวัตกรรม
Cloud-optimized licensing ให้สิทธิ์ single Virtual Machine (VM) หรือให้สิทธิ์เซิร์ฟเวอร์สำหรับ virtualization อย่างสูงสุด เช่นเดียวกับความยืดหยุ่นในการย้าย VMs ของคุณจากเซิร์ฟเวอร์ไปยังเซิร์ฟเวอร์ หรือไปยัง hosters หรือไปยัง cloud
Industry-leading TCO
SQL Server 2012 จะมีคุณสมบัติและความสามารถจำแนกเป็นสามรุ่นหลัก
โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับในการใช้งานใน Mission Critical และ Business Intelligence applications
SQL Server 2012 Editions
สามรุ่นหลักที่มี คือ Enterprise, Business Intelligence, และ Standard
• Enterprise สำหรับ mission critical applications และ data warehousing
• Business Intelligence (ใหม่) สำหรับขององค์กรระดับพรีเมี่ยม และความสามารถใน self-service Business Intelligence
• Standard สำหรับข้อมูลพื้นฐาน (basic database), การรายงาน, และการวิเคราะห์
สามรุ่นหลักที่มี คือ Enterprise, Business Intelligence, และ Standard
• Enterprise สำหรับ mission critical applications และ data warehousing
• Business Intelligence (ใหม่) สำหรับขององค์กรระดับพรีเมี่ยม และความสามารถใน self-service Business Intelligence
• Standard สำหรับข้อมูลพื้นฐาน (basic database), การรายงาน, และการวิเคราะห์
Business Intelligence Edition จะรวมความสามารถทั้งหมดของ
Standard Edition และ Enterprise จะรวมทั้งหมดของความสามารถทั้งหมดของ
Business Intelligence Edition
ด้วยการเปิดตัวของ SQL Server 2012, สาม Editions
ต่อไปนี้จะสิ้นสุดลง:
• Datacenter – คุณลักษณะของรุ่นนี้จะสามารถใช้ได้ใน Enterprise Edition
• Workgroup – สำหรับข้อมูลพื้นฐาน (basic database) จะไปอยู่ในรุ่น Standard
• Standard for Small Business – สำหรับข้อมูลพื้นฐาน (basic database) จะไปอยู่ในรุ่น Standard รุ่นเดียว
• Datacenter – คุณลักษณะของรุ่นนี้จะสามารถใช้ได้ใน Enterprise Edition
• Workgroup – สำหรับข้อมูลพื้นฐาน (basic database) จะไปอยู่ในรุ่น Standard
• Standard for Small Business – สำหรับข้อมูลพื้นฐาน (basic database) จะไปอยู่ในรุ่น Standard รุ่นเดียว
การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของ SQL Server 2012
เราจะนำเสนอทางเลือกของ SQL Server 2012 ดังต่อไปนี้:
• Core-based Licensing สำหรับ Enterprise
• Server + CAL licensing สำหรับ Business Intelligence
• Choice of core-based licensing or Server + CAL licensing สำหรับ Standard
เราจะนำเสนอทางเลือกของ SQL Server 2012 ดังต่อไปนี้:
• Core-based Licensing สำหรับ Enterprise
• Server + CAL licensing สำหรับ Business Intelligence
• Choice of core-based licensing or Server + CAL licensing สำหรับ Standard
ตารางด้านล่างแสดงการเปรียบเทียบคุณสมบัติระหว่างสามรุ่นหลัก.
SQL
SERVER 2012 CAPABILITIES
|
Enterprise
|
Business Intelligence
|
Standard
|
Maximum
Number of Cores
|
OS
Max*
|
16
Cores-DB OS Max-BI
|
16
Cores
|
Basic
OLTP
|
x
|
x
|
x
|
Programmability
(T-SQL, Spatial Support, FileTable)
|
x
|
x
|
x
|
Manageability
(SQL Server Management Studio, Policy-based Management)
|
x
|
x
|
x
|
Corporate
Business Intelligence (Reporting, Analytics, Alerting, Multidimensional BI
Semantic Model)
|
x
|
x
|
x
|
Enterprise
data management (Data Quality Services, Master Data Services)
|
x
|
x
|
|
Self-Service
Business Intelligence (Power View, PowerPivot for SPS)
|
x
|
x
|
|
In-Memory
Tabular BI Semantic Mode
|
x
|
x
|
|
Advanced
Security (Advanced auditing, transparent data encryption)
|
x
|
|
|
Data
Warehousing (ColumnStore, compression, partitioning)
|
x
|
|
|
High
availability (AlwaysOn)
|
Advanced
|
Basic**
|
Basic**
|
จุดเด่นของ SQL Server 2012
SQL Server 2012 มอบความมั่นใจในภารกิจสำคัญทางธุรกิจ
(Mission-Critical) ด้วยความพร้อมในการให้บริการ uptime
ที่สูงขึ้นและประสิทธิภาพการทำงานที่รวดเร็ว
ตลอดจนความปลอดภัยที่ได้รับการปรับแต่งเพื่อรองรับ workload ที่สำคัญของธุรกิจ
นอกจากนี้ยังมอบความสามารถในการเข้าใจข้อมูลเชิงลึก (insight) ที่ตรงจุดและการค้นหาข้อมูลที่ผู้ใช้จัดการได้ด้วยตนเอง
รวมทั้งความสามารถในการนำเสนอข้อมูลด้วยภาพที่ทำงานแบบ interactive และคุณยังสามารถสร้าง cloud ในแบบของคุณเองได้ด้วยการสร้างและขยายโซลูชั่นได้ทั้งบนเซิร์ฟเวอร์จริงในองค์กรและบน
Public Cloud ได้อย่างสะดวก SQL Server มีวางจำหน่ายใน 3 edition ดังต่อไปนี้
Enterprise
Enterprise สำหรับการทำงานกับภารกิจสำคัญทางธุรกิจที่เป็น
Mission Critical และการสร้างคลังข้อมูล (Data
Warehouse)
·
ความพร้อมให้บริการอย่างต่อเนื่องที่ก้าวหน้าขึ้นในระดับสูงด้วย AlwaysOn
·
การทำ Data Warehousing ประสิทธิภาพสูงด้วย ColumnStore
·
การทำ virtualization ได้สูงสุดเท่าที่ต้องการ (ด้วย Software Assurance)
·
รวมความสามารถด้าน BI ทั้งหมดที่มีอยู่ใน Business Intelligence
Edition
Business Intelligence
Business Intelligence Edition เหมาะสำหรับการสร้าง
BI สำหรับองค์กรขนาดใหญ่และสามารถจัดการได้เองโดยผู้ใช้งาน
·
การค้นหาข้อมูลที่รวดเร็วด้วย Power View บน Internet Explorer และ PowerPoint
·
การจัดทำรายงานและการวิเคราะห์ที่เหมาะกับลูกค้าองค์กรและสามารถขยายระบบได้
·
ความสามารถในการทำ Data Quality Services และ Master Data
Services
·
รวมความสามารถทั้งหมดของ Standard Edition
Standard
Standard Edition ยังคงมอบความสามารถด้านการจัดการฐานข้อมูล
การสร้างรายงาน และการวิเคราะห์ผลขั้นพื้นฐาน
ความสามารถของ SQL Server 2012
ตารางต่อไปนี้นำเสนอความสามารถที่แตกต่างกันในแต่ละ
edition ของ
SQL Server 2012 หากต้องการดูคุณสมบัติทั้งหมดเพื่อเปรียบเทียบ
SQL Server 2012 โปรดศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ SQL Server Books Online
ความสามารถ
|
Enterprise
|
Business
Intelligence |
Standard
|
จำนวน core สูงสุด
|
มากเท่าที่ OS มี¹
|
16 core สำหรับฐานข้อมูล
มากเท่าที่ OS มี -AS&RS² |
16 Cores
|
OLTP พื้นฐาน
|
checked
|
checked
|
checked
|
เครื่องมือสำหรับเขียนโปรแกรมและพัฒนาซอฟต์แวร์
(T-SQL, CLR, Data Types, FileTable)
|
checked
|
checked
|
checked
|
ความสามารถในการบริหารจัดการ (Management Studio, Policy-based Management)
|
checked
|
checked
|
checked
|
ความพร้อมให้บริการแบบต่อเนื่อง (High Availability) ขั้นพื้นฐาน³
|
checked
|
checked
|
checked
|
Business Intelligence สำหรับองค์กรขั้นพื้นฐาน (Reporting, Analytics,
Multidimensional Semantic Model, Data Mining)
|
checked
|
checked
|
checked
|
การทำ data integration ขั้นพื้นฐาน (Built-in
Data Connectors, Designer Transforms)
|
checked
|
checked
|
checked
|
Self-Service Business
Intelligence (Alerting, Power View สำหรับ IE และ PowerPoint, PowerPivot สำหรับ Excel และ SharePoint Server)⁴
|
checked
|
checked
|
|
Business Intelligence สำหรับองค์กรขั้นสูง (Tabular BI Semantic Model, Advanced
Analytics and Reporting, VertiPaq™ In-Memory Engine, Advanced Data Mining)
|
checked
|
checked
|
|
การจัดการข้อมูลในองค์กรขนาดใหญ่ (Enterprise Data Management) (Data Quality Services,
Master Data Services)
|
checked
|
checked
|
|
การทำ data integration ขั้นสูง (Fuzzy
Grouping and Lookup, Change Data Capture)
|
checked
|
||
ความปลอดภัยขึ้นสูง (SQL Server Audit, Transparent Data Encryption)
|
checked
|
||
การสร้างคลังข้อมูล (ColumnStore Index, Compression, Partitioning)
|
checked
|
||
ความพร้อมให้บริการแบบต่อเนื่อง (High Availability) ขั้นสูง (Multiple,
Active Secondaries; Multi-site, Geo-Clustering)³
|
checked
|
1 สิทธิ์การใช้งานของ SQL Server Enterprise ที่มีอยู่เดิมในแบบของ
Server + CAL แล้วถูกอัพเกรดไปเป็น SQL Server 2012 จะจำกัดการติดตั้งเซิร์ฟเวอร์ไว้ที่ ไม่เกิน 20 core โปรดศึกษาจากเอกสารข้อมูลผลิตภัณฑ์และ FAQ
2 Analysis Services และ Reporting Services
3 ขั้นพื้นฐานได้แก่ การทำ log shipping, database
mirroring, การสนับสนุน server core และการทำ Failover
Clustering บน 2 node และจำเป็นต้องมี Windows
Server Enterprise edition หรือสูงกว่าหากต้องการใช้งาน AlwaysOn
และ Failover Clustering
4 จำเป็นต้องมี SharePoint Server พร้อม Enterprise
CAL ในการใช้งาน Power View และ PowerPivot
สำหรับ Excel และ SharePoint การตั้งเตือนจะสามารถเข้าถึงได้ผ่านทาง SharePoint Foundation หรือสูงกว่า
เหตุผลที่ควรเลือก SQL Server
Microsoft SQL Server คือแพล็ตฟอร์มข้อมูลสารสนเทศและเซิร์ฟเวอร์ฐานข้อมูลแบบครบวงจรที่มอบเทคโนโลยีที่พร้อมสำหรับองค์กรขนาดใหญ่และเครื่องมือที่ช่วยให้บุคลากรได้ประโยชน์จากข้อมูลที่มีอย่างเต็มที่โดยมีต้นทุนสำหรับเจ้าของ
(Total Cost of Ownership) ที่ต่ำที่สุด
ผู้ใช้จะได้รับประสิทธิภาพการทำงาน ความพร้อมในการให้บริการ
และระบบความปลอดภัยที่สูงขึ้น
ในขณะเดียวกันก็มีเครื่องมือในการจัดการและการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้เกิดการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
และมอบข้อมูลเชิงลึกที่ใช้งานได้เต็มที่ผ่าน BI ที่ผู้ใช้จัดการได้ด้วยตนเอง
Microsoft SQL Server เป็นแพล็ตฟอร์มที่สมบูรณ์และทำงานร่วมกับฐานข้อมูลอื่นได้สร้างคุณค่าจากทักษะและทรัพยากรของไอทีเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด
เพิ่มประสิทธิผลการทำงานและความคล่องตัวของแผนกไอที และสร้างแอพพลิเคชั่นใหม่ๆ
ที่ทำงานอย่างยืดหยุ่นได้อย่างรวดเร็ว
10 เหตุผลที่ควรเลือก SQL
Server
1 SQL
Server 2012 ทำให้เกิด ROI สูงถึง 189%
ภายในระยะเวลาคืนทุนเพียง 1 ปี (Payback
Period)
ที่มา: Total Economic Impact (TEI) ของการอัพเกรด SQL Server 2012 ศึกษาโดย Forrester Consulting ในนามของ Microsoft (มีนาคม 2012)
ที่มา: Total Economic Impact (TEI) ของการอัพเกรด SQL Server 2012 ศึกษาโดย Forrester Consulting ในนามของ Microsoft (มีนาคม 2012)
2 ผู้ดูแลฐานข้อมูล
(DBA) ที่ใช้ไมโครซอฟท์สามารถรันฐานข้อมูลที่สำคัญต่อภารกิจ
(ระดับ mission critical) ได้มากกว่าเมื่อเทียบกับผู้ดูแลฐานข้อมูลที่ใช้
Oracle
ที่มา: Microsoft SQL Server and Oracle Database: A Comparative Study on Total Cost of Administration (TCA)
ที่มา: Microsoft SQL Server and Oracle Database: A Comparative Study on Total Cost of Administration (TCA)
3 SQL Server มี uptime ที่พร้อมให้บริการในระดับ
9s ถึง 6 ตัว(99.9999%)
ที่มา: Microsoft Case Study: Stratus Technologies
ที่มา: Microsoft Case Study: Stratus Technologies
4 SQL Server คือแพล็ตฟอร์มฐานข้อมูลที่มีระบบความปลอดภัยสูงสุดกว่ารายอื่น
ที่มา: ITIC: SQL Server Delivers Industry-Leading Security, กันยายน 2010
ที่มา: ITIC: SQL Server Delivers Industry-Leading Security, กันยายน 2010
5 ผู้นำเรื่อง
TCP-E Performance Benchmark ที่มีคู่แข่งน้อยรายในตลาด
ที่มา: TPC-E Top Ten Performance Results
ที่มา: TPC-E Top Ten Performance Results
6 SQL Server ช่วยประหยัดค่าดูแลฐานฐานข้อมูลถึง 460%
ต่อฐานข้อมูล เมื่อเทียบกับ Oracle
ที่มา: Microsoft SQL Server and Oracle Database: A Comparative Study on Total Cost of Administration (TCA)
ที่มา: Microsoft SQL Server and Oracle Database: A Comparative Study on Total Cost of Administration (TCA)
7 ไมโครซอฟท์เติบโต 23.6% ในตลาด Business Intelligence คิดจากยอดรายได้ในปี 2010
ที่มา: Gartner, Market Share: All Software Markets, Worldwide, 2010, 30 มีนาคม 2011
ที่มา: Gartner, Market Share: All Software Markets, Worldwide, 2010, 30 มีนาคม 2011
8 SQL Server มียอดจำหน่ายสิทธิ์การใช้งาน RDBMS
แซงหน้า IBM DB2 จนได้เป็นหมายเลข 2 ในปี 2009
ที่มา: IDC WW RDBMS 2009 Vendor Analysis: Top 10 Vendor License Revenue by Operating environment, สิงหาคม 2010
ที่มา: IDC WW RDBMS 2009 Vendor Analysis: Top 10 Vendor License Revenue by Operating environment, สิงหาคม 2010
9 PowerPivot ได้รับเสียงโหวตจาก eWeek ว่าเป็นหนึ่งใน Top 10 Technology ในปี 2010
ที่มา: eWeek 2010 Products of the Year: Messaging and Collaboration
ที่มา: eWeek 2010 Products of the Year: Messaging and Collaboration
10 SQL Server ลดเวลา downtime
ลงได้ถึง 20% โดยการย้ายระบบ SAP ERP ไปรันบน SQL Server
ทางเลือกในการใช้งานฐานข้อมูล
ผลการประเมินความสามารถของ SQL Server 2012 ที่น่าตื่นตาตื่นใจ
SQL Server คือฐานข้อมูลที่บริษัทฮาร์ดแวร์ต่างให้ความไว้วางใจ
● ผลลัพธ์จากการวัด TPC มากกว่า 30 TPCs กับคู่ค้าด้านฮาร์ดแวร์จำนวน 6 รายที่ใช้ตัวชี้วัด 3 ตัวของ TPC
● เป็นผู้นำในหมวด new energy metric ของ TPC ที่มีคู่แข่งน้อยรายและยังคงได้ผลลัพธ์ที่น่าประทับใจอย่างต่อเนื่อง
● ผลลัพธ์จากการวัด TPC มากกว่า 30 TPCs กับคู่ค้าด้านฮาร์ดแวร์จำนวน 6 รายที่ใช้ตัวชี้วัด 3 ตัวของ TPC
● เป็นผู้นำในหมวด new energy metric ของ TPC ที่มีคู่แข่งน้อยรายและยังคงได้ผลลัพธ์ที่น่าประทับใจอย่างต่อเนื่อง
ผลลัพธ์ที่น่าประทับใจจากแอพพลิเคชั่นในโลกของการใช้งานจริง
SQL Server 2012 สนับสนุนแอพพลิเคชั่นที่สำคัญต่อภารกิจ
(Mission-critical)
เมื่อดูที่แอพพลิเคชั่นที่ใช้งานจริง
พบว่ามีผลลัพธ์ประสิทธิภาพการทำงานที่น่าตื่นใจ
● การขยายระบบได้ถึง 95% กับ Temenos T24
● ขยายเพื่อรองรับผู้รับผู้สมัครสมาชิกถึง 50 ล้านรายด้วย RedKnee TCB
● รองรับจำนวนผู้ใช้ที่เข้าใช้งานพร้อมกันได้เท่าตัวถึง 10,000 รายด้วยประสิทธิภาพการทำงานอันยอดเยี่ยมกับ Siemens PLM
● การขยายระบบได้ถึง 95% กับ Temenos T24
● ขยายเพื่อรองรับผู้รับผู้สมัครสมาชิกถึง 50 ล้านรายด้วย RedKnee TCB
● รองรับจำนวนผู้ใช้ที่เข้าใช้งานพร้อมกันได้เท่าตัวถึง 10,000 รายด้วยประสิทธิภาพการทำงานอันยอดเยี่ยมกับ Siemens PLM
คะแนนสูงสุดในเรื่องการสนับสนุนการตัดสินใจ
SQL Server ได้รับคะแนนสูงสุดในหลายหมวดของ
TPC-H
ผลการประเมินความสามารถของ
SQL Server 2012 ที่น่าตื่นตาตื่นใจ
● 300 GB: อันดับ 2 ในเรื่อง price performance ในกลุ่ม nonclustered
● 1 TB: อันดับ 2 ในเรื่อง price performance ในกลุ่ม nonclustered
● 3 TB: อันดับ 1 ในเรื่อง performance ในกลุ่ม nonclustered
● 10 TB: อันดับ 1 ในเรื่อง price performance สำหรับ nonclustered
● 300 GB: อันดับ 2 ในเรื่อง price performance ในกลุ่ม nonclustered
● 1 TB: อันดับ 2 ในเรื่อง price performance ในกลุ่ม nonclustered
● 3 TB: อันดับ 1 ในเรื่อง performance ในกลุ่ม nonclustered
● 10 TB: อันดับ 1 ในเรื่อง price performance สำหรับ nonclustered
CREDIT : http://bellnaka2519.wordpress.com/2012/11/19/%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%90%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B9%89%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%87-sql-server-2012-database/
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)