หากบอกว่า ปัญหาการคว่ำบาตรนั้น เป็นเรื่องเล็กๆ เราไม่ต้องง้อประเทศที่คว่ำบาตรเราก็ได้ ข้อนั้นถูกต้องเลย หากเราเป็นประเทศใหญ่ อย่างจีนคงไม่ต้องเสียเวลาไปง้อให้เสียเวลา แต่แน่นอนเราไม่ใช่ข้อนั้นตัดทิ้งได้เลย ทีนี้การคว่ำบาตรนั้นจะกระทบยังไง?
สิ่งแรกที่อยากให้เบาใจก่อนครับ การคว่ำบาตรมันมีหลายระดับ ตั้งแต่การคว่ำบาตรทางรัฐ การคว่ำบาตรทางการค้า การคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ มีหลายระดับอยู่พอสมควร ผมจะโฟกัสผลกระทบการคว่ำบาตรนะครับ ผลกระทบที่เห็นได้ชัดคือ ถ้า USA มันแบรนเราแค่ประเทศเดียว เราอาจจะบอกไม่เป็นไร กรูไม่กลัว เราอาจจะเลิกกินหลายๆอย่างของเขา เลิกใช้ของหลายๆอย่างของเขาถ้าาเป็น USA แต่เผอิญว่า มันไม่ใช่แค่นั้น นั่นแหละปัญหา? แล้วไม่ใช่ยังไง คิดง่ายๆครับ ถ้า USA คว่ำบาตร แล้วประเทศอื่นล่ะที่เป็นพันธมิตร อาจจะต้องรวมยุโรป ญี่ปุ่น เกาหลีใต้เข้าไปด้วยเพราะประเทศกลุ่มนี้ เป็นพันธมิตรสหรัฐและเป็นประชาธิปไตย เริ่มเห็นผลกระทบมากขึ้นแล้วใช่ไหมครับ? ยังหรอกครับ ยังไม่ชัด ยังมีอีกครับ
อาวุธสำคัญของโลกตะวันตก เช่น USA และ EU ที่มีต่อไทยคือ ภาษา วัฒนธรรมและเทคโนโลยี
มันจะไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลยถ้าไม่ใช่ 3 อย่างนี้ อย่าลืมถ้าการคว่ำบาตรเกิดขึ้น เริ่มแรกการร่วมมือทางรัฐจะไม่เกิดขึ้น นั่นหมายถึงทางการค้าเราคงจะเริ่มมีปัญหา แต่มันไม่หยุดแค่นั้นถ้าเกิดคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจและการค้าและประเทศอื่นทำตาม สิ่งที่ตามมาล่ะ? มันใหญ่หลวงอยู่พอสมควรนะ
การคว่ำบาตรเนี่ย ถ้าไม่นาน คงไม่ต้องไปเสียเวลาคิด แต่ถ้าเกิดมัน 10 ปีล่ะ?
เทคโนโลยีหลายๆอย่างเรารับมาจากประเทศพัฒนาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นอินเตอร์เน็ต คอมพิวเตอร์ มือถือ และภาษาที่ใช้ ถ้าเกิดวันนึงเราต้องเปลี่ยนทุกอย่างเป็นภาษาจีนหรือรัสเซียลองคิดดูว่าจะกระทบขนาดไหน? บ้านเราแม้มีการส่งเสริมให้คนอ่านเขียนภาษาจีนและรัสเซียจำนวนมากแต่ภาษาราชการหลายๆอย่างก็ยังเป็นภาษาอังกฤษ แล้วผมอยากให้คิดอย่างนึง หลายๆคนอาจจะบอกเราก็พึ่งจีนสิ หึหึ อยากจะให้ไปถามคนรุ่นก่อนๆ ซะหน่อยว่า คุณไม่อายหรอ เพราะเมื่อก่อนคนไทยดูถูกคนจีนมาก จนมีคำด่า "ลุกเจ๊ก" เลยทีเดียว วินาทีนี้คิดจะพึ่งเขา หึหึ ผมอยากจะหัวเราะจริงๆ แต่มันไม่เกี่ยวกับ IT นินะ นอกเรื่องไปแระกลับมาๆ ต่อนะครับ คือการเปลี่ยนแปลงแบบกระทันหัน มันทำให้ เทคโนโลยีหยุดนิ่ง ระบบปฏิบัติการที่ใช้อยู่ปัจจุบันจำเป็นจะต้องหยุดทุกอย่าง และหาทางใหม่ อาจจะต้องเลิกใช้ Windows และให้ไปใช้ Linux หรือ Baidu อย่างจริงจัง เพื่อแก้ปัญหา แต่ผมบอกเลยเป็นการแก้ปัญหาที่ผิดทาง การแก้ปัญหาที่ดีที่สุดคือ ไม่ให้เกิดการคว่ำบาตรเกิดขึ้น
ยุคนี้ยุคแห่งการสื่อสารไร้ขอบเขต ทุกคนมีโทรศัพท์มือถือใช้และบางคนถึงกับใช้ Smartphone แน่นอนสิ่งเหล่านี้คือวัฒนธรรมทางตะวันตกที่ส่งมาถึง การคว่ำบาตรจะมีผลต่อทางนี้แน่นอน ถ้าเกิดการคว่ำบาตรทางเทคโนโลยี เราอาจจะติดต่อกับทางนั้นได้ยากขึ้นรับรู้ได้ยากขึ้น ข่าวสารจะถูกปิดกั้น IT ที่ควรจะถูกส่งมาก็จะถูกหยุดลง โดยพื้นฐานประเทศไทยก็ไม่ใช่ผู้พัฒนาแต่เป็นผู้รับอยุ่แล้ว หากผู้รับไม่ได้รับจากผู้ให้ และไม่มีใครให้เรา เราก็ต้องใช้ในสิ่งที่เรามีอยู่ อาจจะไม่ถึงกับเดือดร้อน แต่ว่าเราจะหยุดการพัฒนาโดยทันที ฉะนั้นผมภาวนาอย่าให้เลยเถิดไปถึงขั้นนั้นเลย
การคว่ำบาตรไม่มีผลดีกับใครเลยผมไม่อยากให้เกิดการหยุดพัฒนาทางเทคโนโลยี ด้าน IT ที่สุด ในฐานะที่เป็นคนบ้า IT คนนึง ชื่นชอบการพัฒนาของมือถือ คอมพิวเตอร์ เข้าใจและหลงใหล จึงไม่อยากให้หยุดการพัฒนาด้านนี้ที่สุดและมีจุดยืดที่ชัดเจนคือ การเปิดกว้าง เทคโนโลยี ไม่เคยหยุดนิ่งแต่ตัวเราตังหากที่ไม่สามารถตามมันได้ทัน แต่จงอย่าหยุดเรียนรู้ เพราะสิ่งใหม่ๆรอเราอยู่ ต้องเรียนรู้ไม่หยุดแล้วจะรู้ว่ามันสนุกแค่ไหน
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ รัฐประหาร แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ รัฐประหาร แสดงบทความทั้งหมด
วันศุกร์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2557
วันจันทร์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2557
สัญญาณลมเปลี่ยนทิศรัฐประหารเริ่มไม่ได้ผลอย่างที่คิด
หลังจากที่มีรัฐประหารมาประมาณอาทิตย์นึง มีเคอฟิวแล้ว แต่ว่าหลังจากนั้นผู้คนเริ่มปรับตัวได้ แรกเริ่มรัฐประหารครั้งนี้เหมือนยาดีที่จะได้ผล ทำให้คนเลิกทะเลาะกัน แต่ณ วันนี้(2014/05/26) สัญญาณไม่ดีเริ่มออกมาเรื่อยๆ เริ่มตั้งแต่ ต่างชาติเริ่มประนามเรามากชาติขึ้นเรื่อยๆ และล่าสุดคนนับพันนับร้อย ออกมาประท้วงทหารมากขึ้น มันแสดงให้เห็นว่าสัญญาณการใช้กำลังของทหารนั้นเริ่มจะมีปัญหา ยาเริ่มไม่ได้ผลแล้ว ซึ่่งถ้าเป้นงี้ละก็บางที สิ่งที่คณะรัฐประหารทำครั้งนี้อาจจะไม่ได้ผลเลยก็เป็นได้ เพราะอะไร? นั่นเพราะผู้คนเริ่มเปลี่ยนเป้าหมาย และผู้อยู่เบื้องหลังทั้งหลายอาจจะจับมือกัน เริ่มส่งสัญญาณให้ต่อต้านทหารมากขึ้น ผมเองก็ไม่ได้รู้ว่ามีหรือไม่มีผู้อยู่เบื้องหลัง แต่สัญญาณที่ออกมา มันเริ่มส่อเค้ารุนแรงขึ้น ผู้ประท้วงจะเริ่มมากขึ้น สิ่งนี้ถ้าคสช.คิดจะอยู่ยาวบางทีอาจจะต้องหนักเพราะมันเป็นสัญญาณบอกว่า ถ้าระยะยาวละก็ปัญหาเกิดแน่ ทหารใช้กำลังไม่อยู่แน่ และหลายๆสิ่งจะเริ่มแพร่ออกไป มันหยุดไม่่อยู่ จากที่จะห้ามสงครามกลางเมืองอาจจะกลายเป็นจุดไฟให้มันเร็วขึ้นหลายเท่าตัว เพราะทหารมีอาวุธและเป้าหมายมันชัดเจนเกินไป นั่นคือคนใส่ชุดทหาร มันชัดเจนจนสัญลักษณ์แสดงอำนาจนี้กลายเป็นเป้าเรียบร้อย ถ้าคณะคสช.ชุดนี้จะรักษาไว้ได้ คงต้องรีบทำอะไรสักอย่างให้ชัดเจนแล้ว ไม่งั้นละก็แค่นโยบายปิดหูปิดตา ปิดข่าว ปิดสื่อ มันไม่ได้ผลแล้วล่ะ
ผมไม่รู้ทางแก้ที่ดีคืออะไร แต่ผมว่าตอนนี้ที่น่าเกลียดคือนักการเมืองบางพวก ยังติดสันดานโหนกระแสไม่เลิก นี่ก็เป็นสัญญาณอย่างนึงที่ทหารคงต้องคิดแล้วล่ะว่าจะจัดการยังไงดีกับคนกลุ่มนี่้ แต่ทางที่ดี ถ้าทำได้เร็วพวกคุณต้องประกาศรัฐธรรมนูญใหม่ซะ ให้ชัดเจนไปเลย ว่านายก และคณะรัฐบาลนั้นเป็นใครวิธีไหน เพราะไม่ว่าจะมาจากวิธีไหน ทางไหน หรือจะเปลี่ยนจากประชาธิปไตยเป็นแบบอื่นก็ให้ออกมาเลยยังไงซะตอนนี้มันก็เริ่มมีสัญญาณไม่ดีแล้ว ผมว่าไม่นานเราคงจะได้เห็นแน่นอน แต่ยังไงเสียทางที่ดีสำหรับประชาชนคือการเป็นไม้ไผ่ เพราะไม้ไผ่ปรับตัวได้ทุกสถานการณ์ การปกครองไม่ว่าจะระบบใดล้วนมีข้อดีและข้อเสียทั้งสิ้น คนแกร่งเท่านั้นที่จะอยู่รอดได้
ผมไม่รู้ทางแก้ที่ดีคืออะไร แต่ผมว่าตอนนี้ที่น่าเกลียดคือนักการเมืองบางพวก ยังติดสันดานโหนกระแสไม่เลิก นี่ก็เป็นสัญญาณอย่างนึงที่ทหารคงต้องคิดแล้วล่ะว่าจะจัดการยังไงดีกับคนกลุ่มนี่้ แต่ทางที่ดี ถ้าทำได้เร็วพวกคุณต้องประกาศรัฐธรรมนูญใหม่ซะ ให้ชัดเจนไปเลย ว่านายก และคณะรัฐบาลนั้นเป็นใครวิธีไหน เพราะไม่ว่าจะมาจากวิธีไหน ทางไหน หรือจะเปลี่ยนจากประชาธิปไตยเป็นแบบอื่นก็ให้ออกมาเลยยังไงซะตอนนี้มันก็เริ่มมีสัญญาณไม่ดีแล้ว ผมว่าไม่นานเราคงจะได้เห็นแน่นอน แต่ยังไงเสียทางที่ดีสำหรับประชาชนคือการเป็นไม้ไผ่ เพราะไม้ไผ่ปรับตัวได้ทุกสถานการณ์ การปกครองไม่ว่าจะระบบใดล้วนมีข้อดีและข้อเสียทั้งสิ้น คนแกร่งเท่านั้นที่จะอยู่รอดได้
วันอังคารที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2557
รัฐประหารอุปสรรคการพัฒนา
การพัฒนาประเทศ ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง
แต่หนึ่งในนั้นคงหนีไม่พ้นด้าน IT แต่ทั้งนี้หลายๆประเทศก็จะมีกฎหมายเกี่ยวกับ ICT
แน่นอน
เพื่อกันไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นและกีดกันเหตุร้ายที่เกิดขึ้น แต่ว่าสิ่งใดที่ทุกคนไม่คาดคิดเลยคือการรัฐประหาร
การรัฐประหารคืออะไรแล้วจะมีปัญหาอย่างไร?
อย่างแรกเลยรัฐประหารมักจะเกิดจากทหารร้อยละ 95% ที่เหลือจะเกิดจากเหตุอื่น
แต่ไม่ว่าอย่างไรย่อมส่งผลร้ายมากกว่าดีแน่นอน การรัฐประหารคือการที่คนกลุ่มหนึ่ง
ไม่พอใจกับสถานการปัจจุบันไม่ว่าจะหวังดีหรือหวังร้าย
ออกมาทำการต่อต้านรัฐบาลและยึดอำนาจอธิปไตยของรัฐบาลซะ
และให้ตัวเองขึ้นมาเป็นใหญ่แทน แน่นอนว่าวิธีการพวกนี้ไม่ใช่แนวทางที่นานาประเทศยอมรับ
บางประเทศถึงกับตัดการทูตทันที ซึ่งบางคนอาจจะไม่รู้ว่ามีผลยังไง
มันมีผลกระทบมากมาย มันหมายความว่าการทำการค้า การแลกเปลี่ยนแรงงาน หรือ
การเจรจาต่างๆถูกตัดขาดจากประเทศนั้นๆ ซึ่ง
หากเราเป็นประเทศมหาอำนาจคงจะไม่มีปัญหาสักเท่าไร แต่ถ้าเกิดไม่ใช่ล่ะ คิดง่ายๆ
ถ้าเราถูกตัดการทูตจากยุโรป หรือจีน เราจะไม่สามารถส่งของออกไปค้าขายกับจีน
ไม่สามารถส่งแรงงานไปต่างประเทศได้ จะส่งผลกระทบขนาดไหน? บางคนบอกว่า เฮ้ย
งั้นเราก็อยู่ด้วยตัวเองให้ได้สิ คำตอบคือมันอยู่ไม่ได้ครับ เพราะอะไร? ร้อยละ 60
ของรายได้ของเราคือการส่งออก
และเรานำเข้าสินค้าต่างประเทศเยอะมาก หากเราถูกตัดความสัมพันธ์ทางการค้าเมื่อไร
ประเทศจะมีปัญหา นายทุนหลายรายจะล่มจม การพัฒนาจะหยุดชะงัก เนื่องจากเรามีการพึ่งพานวัตกรรมจากต่างประเทศมากเกินไป
ประเทศจะหยุดนิ่งทันที นั่นคือสิ่งที่เขากลัวในการตัดการความสัมพันธ์ทางการทูต
ผมอาจจะพูดให้โหดร้ายไปหน่อย แต่ความจริงแล้วมันหนีไม่พ้นถ้าเกิดขึ้น ฉะนั้น
การรัฐประหารจึงดูน่ากลัว ถ้าเกิดผลกระทบอย่างนี้ แล้วกระทบกับการพัฒนายังไง
1.
ประเทศจะหยุดการทำวิศวะกรรมหลายๆอย่าง
เพราะต้องชะลอโครงการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้า หรือ การทำถนน
2.
การสื่อสารถูกคุกคาม
สาเหตุเพราะภายใต้การรัฐประหารนี้ห้ามให้เกิดความวุ่นวายเกิดขึ้น
3.
ต่างประเทศอาจจะตัดการทูตได้
เพราะหลายประเทศรังเกียจประเทศรัฐประหารบ่อย
4.
เทคโนโลยีต่างๆจะหยุดชะงักทันที ไม่ว่าจะเป็นด้าน
IT หรือวิศวะกรรมอื่นๆ สาเหตุเพราะ ต้องรอคำสั่งอนุญาติจากคณะรัฐประหาร
แต่การลงทุนรอไม่ได้ส่งผลให้การค้าขาดทุน และการค้าระหว่างประเทศ ทำไม่ได้
ลูกค้าจำเป็นจะต้องไปที่อื่น และบางทีอาจจะไม่กลับมาอีกเลย ซึ่งย่อมส่งผลเสียทางด้านการค้าแน่นอน
และด้าน IT ก็เกิดปัญหาจากการหยุดชะงักของเทคโนโลยี จะทำให้บ้านเมืองล้าหลังจากชาวบ้านทันที
บางคนจะเถียงว่าไม่จริง หรือบางคนบอกของพวกนี้ไม่มีก็ไม่ตาย สิ่งที่คุณพูด
ไม่จริงนั้น อาจจะมีเหตุผล แต่ที่แน่ๆคุณปฏิเสธความจริงไม่ได้ว่า โลกพัฒนาขึ้น
การสื่อสารต่างประเทศไปเรื่อยๆ แต่บ้านเรายังอยู่ที่เดิม เพราะผลกระทบจากการทำรัฐประหารไง
5.
รัฐบาลไม่เป็นตัวของตัวเอง ประชาชนไม่ยอมรับ
และต่อต้าน เศรษฐกิจชะงัก ทันที ตลาดหุ้นผันผวน
อีกมากมายล้วนคือผลกระทบของรัฐประหาร ฉะนั้นคนที่สนับสนุนการรัฐประหารขอให้คิดให้ดี
ว่ามันมีผลกระทบยังไงบ้าง ชอบได้ รักได้ ไม่ว่าจะเป็นยังไง แต่ถ้าทำอะไรไปแล้ว
ต้องถามตัวเองว่า “กล้ารับผิดชอบไหม?”
ผมบอกเลยผมไม่ทำอะไรได้แต่โพสเพราะผมรับผิดชอบไม่ได้ แต่หลายๆคนทำไปแล้ว กลับไม่คิดถึงคำว่า “รับผิดชอบเลย”
ยิ่งคณะรัฐประหารแล้วไม่ต้องพูดถึง เขาไม่รับผิดชอบอะไรทั้งนั้น
คนรับผลกระทบคือประชาชนตาดำ สำหรับผมแนวทางที่ดีในถ้าเกิดรัฐประหารขึ้นคือ
การปรับตัวครับ ยอมรับในผลกระทบและหยุดพัฒนาจากนั้นปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์
เพราะคนตัวเล็กๆนี้ทำอะไรไม่ได้ แต่ผมบอกเลย ผมไม่สนับสนุนรัฐประหารแน่นอนครับ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)