วันจันทร์ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

จิตสำนึกนักพัฒนาซอฟท์แวร์กับปัญหาลิขสิทธิ์ซอฟท์แวร์



ปัญหาละเมิดลิขสิทธิ์ คงต้องเรียกว่าเป็นปัญหากันทั่วโลกเลยก็ว่าได้ เพราะมนุษย์ชอบของฟรี แน่นอนว่า ไม่มีใครไม่ชอบอะไรที่ได้มาฟรีๆ เริ่มจากการละเมิดกอปปี้สิ่งของทั่วไป จนมาถึงยุค IT ที่เริ่มละเมิดลิขสิทธิ์สินค้าประเภท Software หรือ License เพลงหรือหนัก ปัญหานี้ใหญ่เกินกว่าจะแก้ไข แต่ลึกๆ แล้วถ้าพบจริงๆ ปัญหานี้อาจจะเกิดจากการที่ คนเราขาดจิตสำนึกเองก็ได้ เพราะอะไร? คำตอบมันยากกว่าที่จะบรรยายออกมาได้  บางคนโทษสิ่งแวดล้อม บางคนบอกมันสนุก ก็แล้วแต่เหตุผลของแต่ละคนไป แต่ผมในฐานะนักพัฒนาคนนึง ก็ต้องยอมรับว่า ปัญหาพื้นฐานในการละเมิดลิขสิทธิ์ผม เริ่มมากกว่า ที่เริ่มละเมิดตั้งแต่เริ่มต้น ตรงไหน? ขอย้อนกลับไปตอนเป็นเด็กมัธยมปลายที่มีคอมพิวเตอร์เครื่องแรก ซึ่งเครื่องนั้นผมก็ละเมิดลิขสิทธิ์แล้ว ละเมิดตั้งแต่ยังไม่รู้ว่าเราละเมิด เชื่อหรือไม่  เด็กไทยยุคผม ยุค IT เริ่มจะบูมร้อยละ 80 มีคอมพิวเตอร์เครื่องแรกคือ PC และระบบปฏิบัติการ Windows  โดยหารู้ไหมว่า คอมพิวเตอร์ทั้งเครื่องนั้น ละเมิดลิขสิทธิ์ทั้งหมด ดูน่าตกใจมากใช่ไหม แต่นั่นแหละคือความจริง ผมเริ่มต้นชีวิตของนักคอมพิวเตอร์โดยการละเมิดลิขสิทธิ์ แต่แน่นอนล่ะ ผมต้องยอมรับอย่างว่า ถ้าไม่มีเครื่องนั้นผมก็ไม่รู้จักคำว่า “คอมพิวเตอร์” แต่ว่าแม้มันจะผิด แต่ผมก็ทำไปแล้ว แน่นอนผมปัจจุบันก็เริ่มสำนึกผิด แต่ว่า ต้องยอมรับว่ามันมีทั้งข้อดีและข้อเสีย เพราะถ้าไม่มีการละเมิดอย่างนั้น ผมก็คงไม่มีคอมพิวเตอร์แน่นอน บ้านผมไม่ได้มีฐานะขนาดนั้น ประเทศเราเป็นประเทศที่ลิขสิทธิ์แพงมาก ทำให้ปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์โตได้เร็วมาก อาจจะมีหลายคนที่เป็นนักปรัชญา บอกว่า เฮ้ ถ้าไม่มีเงินก็หาสิ ถ้าไม่มีก็อย่าเพิ่งใช้ หรือ ว่าบางคนจะบอก ถ้าขโมยซาลาเปาช่วยแม่ อย่างงี้ก็ไม่ผิดใช่ไหม? แน่นอน สิ่งเหล่านี้ผมบอกเลยมันผิด แต่ว่าต้องไม่ลืมว่า เราคือมนุษย์ จะให้ตรงเป๊ะมันไม่ได้ ผิดก็ส่วนผิดก็ลงโทษ หรือชดใช้ แต่ว่าหากคิดจะทำให้ตรงเป๊ะ บางทีคนเรามันก็ทำไม่ได้ชีวิตเราคือมนุษย์ กกำลังตอนนั้นทำได้แค่นั้นจริงๆ แน่นอนผมคิดอย่างงี้ เพราะ ปัจจุบันพอผมมีกำลัง ผมก็เริ่มที่จะใช้สินค้าถูกลิขสิทธิ์ และแน่นอน ผมอาจจะถูกด่าหน้าด้าน แต่ผมก็บอกเลย ผมรณรงค์ใช้สินค้าถูกลิขสิทธิ์ ซึ่งผมเองอยากมีกำลังมากๆ ตอนนี้ เพราะอะไร? เพราะผมอยากรณรงค์ ใช้สินค้าถูกลิขสิทธิ์ให้เข้ากับบ้านเรา บางทีนี่อาจจะเรียก “จิตสำนึกของนักพัฒนา” ก็เป็นได้ แต่ผมบอกเลย ผมอยากจะใช้สินค้าถูกลิขสิทธิ์แน่นอน ปัจจุบันปัญหาบ้านเราคือ “เสียน้อย เสียยาก เสียมากเสียง่าย” บ้านเราให้ความสำคัญกับ IT น้อยเกินไป คิดว่ามันคือสิ่งที่ไม่คุ้มค่ากับการลงทุน และหลายๆสิ่งก็พบัปัญหาว่า Software มันแพงเกินไปกว่าเราจะซื้อและใช้ อย่างเช่นผมอยากใช้ Visual Studio ในแบบ Ultimate แต่ว่าโหย Software ตัวนี้ราคาแพงถึงตัวละแสน บาท ฟังไม่ผิด ตัวละแสน มันทำให้ เอ่อคือถ้าประหยัดต้นทุนได้ ยอมละเมิดดีกว่าไหม? และทางละเมิดก็ง่ายเหลือเกิน โหลดบิทไม่ถึง วันก็ได้แล้ว เร็วไหมล่ะ? นี่แหละคือปัญหา แต่ปัญหานี้จะแก้ได้ หมดไปถ้า เพราะเรื่องเดียวจะแก้ได้เลยคื “ผ่อนบัตรเครดิต 0% + เน้นราคาไม่เกินจริง” ผมกล้าบอกเลยปัญหานี้หมดแน่ ถ้าบ้านเราเปลี่ยนใหม่  Software หลายๆตัว ผู้ผลิตมักจะมาจากต่างประเทศ แต่บ้านเรากลับน้อยมาก และหา Dealer ยากมาก และ Dealer กลับเน้นขายเฉพาะองค์กร ไม่เน้นกับ Personal เลย ซึ่งจริงๆแล้ว ตลาด Personal ตรงนี้น่ะ กว้างมากๆ ขอเพียงมี Dealer ในไทยกล้าขายกับ Personal โดยใช้แบบธรรมดาที่ตอบสนองตอ่การทำงานได้พร้อมกับ ราคาไม่แพง หรือมีโปรโมรชั่นผ่อน 0% ละก็ ใช้กับบ้านเราได้แน่นอน แต่ปัจจุบันยังละเลยจุดนี้กันมาก แม้จะมีหลายคนเกิด “จิตสำนึกลิขสิทธิ์” แต่ว่า พอเจอราคาแล้วก็เลยบอก “ไม่ไหว” ผมเองก็เจออย่างนี้หลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็น Microsoft Office (ตอนนี้ผมหันมาใช้ 365 ก็ถูกดี) โปรแกรมตัดต่อวีดีโอชือดังอย่าง Ulead ที่แพงหูฉี่ , Adobe ที่โหยแพงมาก หา Dealer ก็ไม่ได้ OS ต่างๆที่ราคาเหยียบหมื่น แต่หาผ่อนไม่ได้เลย มันทำให้ผมคิดว่า นั่นแหละปัญหา ต่อให้เกิดจิตสำนึก แต่ราคามันแพงเหลือเกิน  อ้อ ปัญหาไม่ใช่แค่เกี่ยวกับราคาเท่านั้น แต่ปัญหาหลักคือ “มันไม่คุ้ม” คำนี้เกิดเมื่อไรก็จะไม่ซื้อ ทำไมไม่คุ้ม นั่นเพราะ คิดง่ายๆ คุณอยากจะซื้อไหมถ้าคุณฟังเพลงๆนึง แต่ต้องเสียเงินซื้อครั้งล่ะ 500 บาท แค่เพลงเดียว และแน่นอนว่า มันฟังแปร๊บๆก็เบื่อ เหมือนกัน บางทีเกิดกรณี อยากซื้อ Photoshop แต่ว่า ราคาแพงต้องเก็บเงิน พอจะซื้อก็ล้าสมัยซะแล้ว (หรือมีเวอร์ชั่นใหม่) ต้องเสียเงินอีก มันทำให้คนคิด ละเมิดเถอะง่ายกว่า  ปัญหาความคุ้มค่า อาจจะสำคัญ มากที่สุดก็ได้นะ 

สุดท้ายผมไม่เห็นด้วยกับปัญหาละเมิดลิขสิทธิ์แต่กล้าบอกว่าเป็นคนนึงที่ ละเมิดลิขสิทธิ์เช่นกัน แต่ตอนนี้ก็ลดลงแล้ว และจะพยายามให้มันหมดไป สาเหตุหลักเพราะ ช่องทางการขายมันหายาก และราคาแพง “ไม่คุ้มค่า และอยากให้รณรงค์ต่อต้านสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ต่อไปครับ แต่ไม่ใช่รณรงค์อย่างเดียว ควรรจะหาช่องทางด้วย ผมเห็นนว่าบ้านเรามัน “ปัญญาอ่อน” เพราะปิดช่องทางเขา แต่ไม่ชี้ว่า ควรจะใช้ช่องทางไหนที่จะถูกและง่าย แถมคุ้มค่า เป็นผมๆ จะบอกว่า ปิดเลยละเมิดลิขสิทธิ์ แต่จะบอกด้วยว่า เอ้า ซื้อที่นี่ถูกลิทธิ์ คุ้มค่า และง่าย แถมมีระบบรับผิดชอบที่ดี  

อีกอย่างส่วนนึงที่ บ้านเราเป็นงี้ ต้องโทษผู้ใหญ่ที่ล้าหลัง ไม่ทันสมัย คิดแต่เรื่อง เก่าๆ เต่าล้านปี คิดแต่ว่าจะจัดการเก็บให้หมดแต่ไม่หาทางให้เขาได้ทำในทางที่ถูก คือ เอาง่ายๆ บ้านเราติดเรื่อง  ไม่คิดให้ครบ คิดให้จบ คิดแต่ง่ายๆ มันเลยกลายเป็นงี้ ปัญหาลิขสิทธิ์มันเลยแก้ไม่ได้สักที

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น